นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญของบทบาทของการท่องเที่ยวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมุ่งเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเป้าหมายของรัฐบาล และสร้างความสมดุลในมิติความมั่นคงผ่านระบบการคัดกรองการเข้าเมืองที่มีประสิทธิภาพ
อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการขอวีซ่าเข้าไทยของชาวจีน ว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนสามารถเข้าไทยได้โดยการขอรับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ ผ่านระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) หรือขอรับการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ซึ่งระบบ e-Visa เป็นการพัฒนาระบบการตรวจลงตราของไทยให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวกแก่คนต่างชาติที่ประสงค์จะขอรับการตรวจลงตราเพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองบุคคลเข้าประเทศ การลดขั้นตอนด้านเอกสาร การหลีกเลี่ยงการพบปะหรือสัมผัสระหว่างบุคคล รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ
ผู้ร้องสามารถขอรับการตรวจลงตราด้วยตนเองหรือผ่านบริษัทนำเที่ยวด้วยระบบ e-Visa ผ่านเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยไม่ต้องเดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ และไม่ต้องกลับไปทำที่ภูมิลำเนาแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องอัปโหลดเอกสารประกอบการขอตรวจลงตราเข้าระบบฯ ให้ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งก็เป็นเพียงเอกสารพื้นฐานซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับการขอรับการตรวจลงตราของประเทศอื่นๆ
โดยในส่วนของหนังสือเดินทาง ใช้เพียงหน้าหนังสือเดินทาง หน้า Data page และหลักฐานประวัติการเดินทางย้อนหลังภายใน 12 เดือนเท่านั้น ซึ่งการคัดกรองการตรวจลงตราเป็นไปตามความถูกต้องของเอกสาร ซึ่งกรอบที่ตั้งไว้ไม่เกิน 15 วันทำการ
อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังเน้นย้ำความพร้อมของระบบ e-Visa ซึ่งสามารถรองรับปริมาณคำร้องได้มากถึง 5 ล้านคนต่อปีในระบบปัจจุบัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 15 ล้านคนต่อปีในอนาคต โดยระบบฯ และสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ ไม่ได้จำกัดปริมาณคำร้องต่อวัน ทำให้นักท่องเที่ยว/บริษัทนำเที่ยวสามารถยื่นคำร้องได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ ไม่มีข้อจำกัดจำนวนการออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางผ่านบริษัททัวร์แต่อย่างใด อีกทั้งไม่ได้มีการจำกัดจำนวนครั้งในการอนุมัติการตรวจลงตราให้แก่นักท่องเที่ยว เพียงแต่มีความจำเป็นจะต้องตรวจสอบเพื่อป้องกันมิให้เกิดการลักลอบทำงานแอบแฝงหรือเข้าไทยไม่ถูกวัตถุประสงค์ หรือ Visa Run
เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ โดยอธิบดีกรมการกงสุล ได้พบหารือกับผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับแนวทางการรองรับนักท่องเที่ยวจีนด้วยแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า การดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการรับนักท่องเที่ยวจีน 5 ล้านคน จะต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างความสมดุลในมิติความมั่นคงผ่านระบบการคัดกรองการเข้าเมืองที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมิได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมแต่ประการใด เพียงแต่เน้นย้ำให้บริษัทนำเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอัพโหลดเอกสารพื้นฐานสำหรับนักท่องเที่ยวแต่ละคนให้ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎระเบียบ เนื่องจากการมีข้อมูลครบถ้วนในระบบ e-Visa เป็นเรื่องสำคัญในการคัดกรองนักท่องเที่ยวมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งสามารถช่วยป้องปรามแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ อาทิ การลักลอบเข้าเมืองแบบแอบแฝงหรือทัวร์ศูนย์เหรียญด้วย