จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในเรื่องของราชกิจจาฯ ที่มีการให้หยุดต่ออายุลดภาษีน้ำมันดีเซลที่จะหมดเขตในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ และอยู่ระหว่างรอทางรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ หากไม่มีการต่ออายุใด ๆ จะปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปอีก 5 บาท ทางกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจ้งข้อเท็จจริงว่า ราชกิจจาฯ ไม่ได้ประกาศหยุดต่ออายุภาษีน้ำมันดีเซล แต่เป็นการประกาศระยะเวลาที่กฎกระทรวงลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตดำเนินการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลเป็นระยะเวลาสั้น ๆ โดยดำเนินการคราวละ 2-4 เดือน เนื่องจากมีผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงต้องมีการติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตดำเนินมาตรการทางภาษี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากผลกระทบของราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสาเหตุความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก โดยการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาท มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2565 ถึงกรกฎาคม 2566 ซึ่งการขยายอายุการลดอัตราภาษีเป็นนโยบายภาครัฐที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และทุกครั้งที่มีการขยายเวลาก็จะกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดมาตรการไว้ในกฎกระทรวงทุกครั้งอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประกอบด้วยหลายปัจจัย ซึ่งภาษีสรรพสามิตเป็นเพียงส่วนหนึ่งในโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเท่านั้น การไม่ต่ออายุการลดอัตราภาษีไม่ได้ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับขึ้น 5 บาท เพราะรัฐบาลมีการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาบริหารจัดการ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนฯ ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีเพื่อเป็นรายได้ภาครัฐและใช้ในการพัฒนาประเทศ การลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลที่ผ่านมาส่งผลให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ภาษีมากกว่า 156,000 ล้านบาท (เฉลี่ย 10,000 ล้านบาท/เดือน)
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ หรือโทร 02 241 5600