นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน สมาคมฯ ได้เดินทางไปยื่นพยานหลักฐานหลายชิ้นเกี่ยวกับการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จำนวน 42,000 หุ้น เพื่อเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) หรือไม่ ให้แน่นหนายิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้รายงานสอดคล้องต้องกันว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และเป็นผู้ที่พรรคก้าวไกลเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค ว่า เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น น่าจะขาดคุณสมบัติผู้รับสมัครเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) ที่บัญญัติว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ "เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ"
ซึ่งต่อมานายพิธา ได้ออกมายอมรับว่า หุ้นดังกล่าวไม่ใช่ของตน แต่เป็นของกองมรดก ตนเพียงมีฐานะผู้จัดการมรดกเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม บริษัทไอทีวียังมีการประชุมผู้ถือหุ้นและมีการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่ายังดำเนินกิจการอยู่ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ จะอ้างว่าหยุดประกอบกิจการไปแล้วมิได้
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมามอบให้ กกต. ให้แน่นหนามากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาวินิจฉัยอย่างรอบคอบ เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ว่าขาดคุณสมบัติการเป็นผู้รับสมัครเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) ประกอบมาตรา 42(3) แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่ อย่างไร
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กกต. ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบวินิจฉัย ปล่อยให้คนบางพวกอกแตกตายไปก่อนก็ได้ แต่ควรจะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ ให้รอบด้านรัดกุมก่อนที่จะวินิจฉัย และถ้าจำต้องรับรองความเป็น ส.ส. ของนายพิธา ไปก่อนก็ยังได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องวินิจฉัย ก็ต้องนำเรื่องของสมาชิกภาพของความเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 101(6) ประกอบ มาตรา 98(3) ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยในขั้นสุดท้ายต่อไปด้วย
นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะท้ายที่สุดประเทศไทยของเรามีพระสยามเทวาธิราชคอยปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองอยู่ จึงเชื่อว่าใครคิดดีต่อบ้านต่อเมืองก็จะได้รับการคุ้มครอง แต่ถ้าใครคิดร้ายคิดทำร้านทำลายบ้านเมือง ก็จะมีอันเป็นไปในที่สุด