ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์. ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ว่า การตั้งคณะทำงานเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานให้ต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ดีและทำได้ แต่ควรเป็นการพูดคุยกันภายในพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกันเอง ยังไม่ควรเรียกข้าราชการมาให้ข้อมูลในตอนนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลา และไม่สมควรทำ เนื่องจากยังไม่ได้เป็นรัฐบาลที่แท้จริง และยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เว้นแต่หากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วและอยู่ระหว่างการร่างนโยบาย จึงสามารถเรียกข้าราชการมาให้ข้อมูลและนำปัญหาแต่ละกรมกองมาปรับ เพื่อเตรียมตัวแก้ไขปัญหา
ผศ.ดร.สุวิชา กล่าวว่า หากจะคุยอะไรกัน ก็คุยกันเป็นการภายใน ไม่มีปัญหา แต่ข้าราชการเองยังไม่จำเป็นต้องไปซูฮก เข้าไปส่งเอกสารอะไรทั้งหลาย เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้แต่ตำแหน่งประธานสภาฯ เรายังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็น ทางราชการอาจจะเตรียมข้อมูลเอาไว้ก่อน ไม่จำเป็นต้องรีบเข้าไปพบ แต่ถ้าใครอยากจะไปพบ ก็ตามใจ ระวังจะเข้าไปผิดห้อง ผิดคนแล้วจะรู้สึก ถึงเวลาแล้วไม่ใช่นายกฯคนนี้ขึ้นมา
ผู้อำนวยการนิด้าโพล ยังกล่าวถึงแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะต้องเริ่มดูตั้งแต่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก่อนว่าจบอย่างไร หากจบลงด้วยว่าเป็นของพรรคก้าวไกล ก็จบลงตามนั้น แต่หากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างไม่ยอม ก็ต้องรอดุว่าในวันเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นอย่างไร หาก 2 พรรคต้องแข่งกัน ก็ขึ้นอยู่กับสภามองว่าใครเหมาะสม และหากเลือกแล้วได้เป็นของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าไม่น่าจะตั้งรัฐบาลได้ และพรรคก้าวไกลคงยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งมองว่าสถานการณ์ตอนนี้หากพรรคก้าวไกลต้องการที่จะเป็นรัฐบาล จะต้องยอมพรรคเพื่อไทยทุกอย่างทั้งตำแหน่งรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร และหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลโดนเรื่องถือหุ้นสื่อ ก็อาจจะต้องเลือกคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี และแม้จะเสนอคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี หากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ก็ยังมีคำถามว่าส.ว.จะโหวตให้หรือไม่ ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล ตนเชื่อว่าส.ว.ไม่โหวตนายกรัฐมนตรีให้อย่างแน่นอน แต่อาจจะได้เสียง ส.ส.เพิ่มอีกหน่อย