รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า อัพเดตเรื่องวัคซีน, Long COVID, และธรรมชาติของโรคเปรียบเทียบตามสายพันธุ์
"แนวโน้มวัคซีนในอนาคตจะจำเพาะต่อสายพันธุ์"
ดังที่องค์การอนามัยโลกประกาศคำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ออกมาก่อนหน้านี้ว่า วัคซีนโรคโควิด-19 ที่แต่ละประเทศจะจัดหาให้ประชาชนในอนาคตนั้นน่าจะจำเพาะต่อสายพันธุ์ที่ระบาด ทั้งด้วยเหตุผลเรื่องสายพันธุ์เก่าๆ นั้นไม่พบว่าทำให้เกิดการระบาดแล้ว, ระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากวัคซีนที่ไม่ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดนั้นจะน้อยกว่า, รวมถึงเรื่อง immune imprinting ด้วย
จึงเป็นที่คาดการณ์ว่า ประเทศพัฒนาแล้วจะมีการใช้วัคซีนรุ่นใหม่ที่จะจำเพาะกับสายพันธุ์ที่ระบาดให้แก่ประชาชน
"พบผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติของ Long COVID นานกว่า 6 เดือนได้ถึง 10%"
งานวิจัยล่าสุดของทีม NIH ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ระดับสากล JAMA เมื่อ 25 พฤษภาคม 2566
ติดตามศึกษาในกลุ่มประชากรเกือบ 10,000 คน จากสถานพยาบาล 85 แห่ง ใน 33 รัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา
สาระสำคัญคือ มีถึง 10% ที่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติคงค้างระยะยาวนานกว่า 6 เดือน โดยพบอาการผิดปกติในระบบต่างๆ ของร่างกายราว 37 อาการ ดังที่เคยทราบกันมา เช่น อ่อนเพลีย/เหนื่อยล้า ปัญหาด้านความคิดความจำ และอื่นๆ
"แนวโน้มการคงค้างของไวรัสในร่างกายดูยาวนานขึ้น"
ทีมงานจาก London School of Hygiene and Tropical Medicine สหราชอาณาจักร เผยแพร่ผลการวิจัยใน medRxiv เมื่อ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เปรียบเทียบให้เห็นว่า ในคนที่ติดเชื้อสายพันธุ์ต่างๆ นั้นมีลักษณะการคงค้างของไวรัสในร่างกายที่แตกต่างกัน
ที่สำคัญคือ ในยุคที่ Omicron ระบาดนั้นมีแนวโน้มของการคงค้างของไวรัสในร่างกายยาวนานกว่าสายพันธุ์เดลต้า (ภาพที่่ 3)
...สำหรับไทยเรา ยังมีการติดเชื้อแต่ละวันจำนวนมาก
ขอให้ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
อ้างอิง
1. COVID-19 vaccines may undergo major overhaul this fall. Science. 23 May 2023.
2. Development of a Definition of Postacute Sequelae of SARS-CoV-2 Infection. JAMA. 25 May 2023.
3. Within-host SARS-CoV-2 viral kinetics informed by complex life course exposures reveals different intrinsic properties of Omicron and Delta variants. medRxiv. 24 May 2023.