นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า กกต. เชิญไปให้ถ้อยคำในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ เวลา 10.00.น. กรณีร้องขอให้ตรวจสอบนายสุรพงษ์ กับ นายณัฐวุฒิ โพสต์เฟซบุ๊ก เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ก่อนให้ถ้อยคำในวันดังกล่าว ตนจะถือโอกาสยื่นเอกสารเพิ่มเติม กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นไอทีวี รวม 2 รายการ คือ ตารางรายชื่อผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2566 พร้อมเอกสารประกอบ และ ตารางรายได้รวมของไอทีวี ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2565 พร้อมเอกสารประกอบ (ยกเว้นปี 2555)
กรณีที่นายพิธา มีชื่อเป็นเจ้าของหุ้นไอทีวีมาตั้งแต่ปี 2551 นั้น พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 62 วรรคสาม บัญญัติว่า "ทะเบียนผู้ถือหุ้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าถูกต้อง" แล้วไอทีวีเคยมีรายได้ปี 2549 ประมาณ 2,158 ล้านบาทเศษ ปี 2550 ประมาณ 352 ล้านบาทเศษ ซึ่งรายได้ปี 2549 และปี 2550 ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากธุรกิจสื่อ แต่ปีต่อๆ มา รายได้ลดลงทุกปีมาจนถึงปัจจุบัน เพราะ สปน.บอกเลิกสัญญา แต่ไอทีวีไม่เห็นด้วย จึงมีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาลปกครอง คดียังไม่ถึงที่สุด สัญาที่ถูกยกเลิกจะครบกำหนดวันที่ 3 กรกฎาคม 2568
นายเรืองไกร กล่าวว่า หลักฐานที่จะยื่นเพิ่มเติมน่าจะช่วยทำให้ กกต. พิจารณาได้เร็วขึ้น และน่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่า นายพิธา เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) หรือไม่