พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า นโยบายลาคลอด 6 เดือนของพรรคการเมืองที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลเสียต่อลูกจ้าง ดังนี้
1. ผู้ประกอบการหรือนายจ้างจะเลิกจ้างพนักงานตั้งแต่ยังไม่คลอดแล้วหาพนักงานใหม่เข้ามาทำงานทดแทน เพราะนายจ้างจะคุ้มค่ากว่าและ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า ถึงแม้นายจ้างจะต้องจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงานก็ตาม แต่นายจ้างจะประหยัดเงินได้มากกว่าการลาคลอด 6 เดือนที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้าง/เงินเดือนแก่พนักงานที่ลาคลอดนานถึง 6 เดือน มิหนำซ้ำนายจ้างยังต้องจ้างพนักงานอื่นเข้ามาทำงานทดแทนพนักงานที่ลาคลอดนานถึง 6 เดือนอีกด้วย
2. หญิงตั้งครรภ์จะถูกเลิกจ้างตั้งแต่ก่อนคลอดและจะตกอยู่ในสภาพตกงานนานกว่า 6 เดือนเสียด้วยซ้ำ เพราะนายจ้างจะไม่รอจนถึงวันลาคลอดที่จะต้องหยุดงานไปอีกถึง 6 เดือน แต่นายจ้างจะเลือกการเลิกจ้างตั้งแต่ยังตั้งครรภ์อ่อนๆ ทำให้หญิงตั้งครรภ์ตกงานเป็นเวลายาวนานกว่า 6 เดือนและน่าจะตกงานนานกว่า 12 เดือน ยังไม่นับรวมกับการหางานใหม่หลังจากคลอดบุตรแล้วซึ่งจะหางานยากมาก
3. ผู้สมัครงานที่เป็นเพศหญิงจะหางานได้ยากขึ้น ยังไม่นับรวมปัจจัยจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน/เงินเดือนปริญญาตรีที่ทำให้หางานยากอยู่แล้ว ในขณะที่สถานการณ์เงินเฟ้อ สินค้าราคาแพง ค่าครองชีพ หลังจากการปรับค่าจ้าง/เงินเดือนจะทวีขึ้นอย่างรุนแรง
พนักงานบริษัท ห้างร้าน โรงงานอุตสาหกรรม ทั้งหลาย ที่กำลังมีครอบครัว หรือกำลังจะมีครอบครัว พึงระมัดระวังปัญหาคร่าวๆดังที่ผมคาดการณ์ข้างต้นไว้ด้วยนะครับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบรุนแรง