นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย พร้อมด้วย นายจิตกร บุษบา ทีมโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง และ ดร.รุจชรินทร์ ทองใหญ่ ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ทีมกฎหมายพรรค ร่วมกันแถลงข่าวต่อกรณีที่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กโพสต์ภาพจากการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จังหวัดภูเก็ตบนโลกออนไลน์ โดยใช้ภาพและเนื้อหาเพียงบางส่วน ทำให้สังคมเข้าใจผิดไปว่า มีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงทางการเมือง ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง หวังผลให้การกระทำดังกล่าวส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์
นางดรุณวรรณ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีความเคารพใน 3 สถาบันหลักของชาติ พร้อมกับยืนยันว่าพรรคไม่มีแนวคิดในการนำสถาบันกษัตริย์มาข้องเกี่ยวในทางการเมือง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบนเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรค ที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมกับจะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของพรรคต่อไป
.
โดย ดร.รุจชรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อการปราศรัยดำเนินมาถึงเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลายืนตรงเคารพธงชาติ ผู้จัดงานได้มีการเปิด VTR เพลงชาติที่มีการเผยแพร่ตามสื่อสาธารณะโดยทั่วไป แต่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ Nat Thanakitamnuay ได้จับภาพเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งของเวทีปราศรัยที่ฉากหลังของเวทีปราศรัยกำลังเปิดภาพ VTR เพลงชาติไทย ขณะที่ VTR ดังกล่าวกำลังแสดงภาพพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 3 วินาที จากนั้นมีการนำภาพดังกล่าวมาโพสต์ที่เฟซบุ๊กของตนเอง พร้อมกับทำทีเป็นตั้งคำถามว่า “นำกษัตริย์มาหาเสียงได้หรือ” ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เนื่องจากทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจไปได้ว่า พรรคฯ จงใจใช้ภาพดังกล่าวเป็นฉากหลังบนเวทีหาเสียง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น การลงภาพลักษณะนี้โดยไม่ลงรายละเอียดข้อความให้ครบถ้วน ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้คนเข้าใจผิดอันจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้เกิดความเสียหายได้
.
ดังนั้นจึงขอให้ผู้โพสต์และผู้ที่แชร์ภาพดังกล่าว รวมถึงผู้ที่กดไลค์ ได้หยุดการกระทำนั้น เนื่องจากพรรคเตรียมดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย ซึ่งหากยังมีการกดไลค์ กดแชร์ภาพดังกล่าวต่อไป จะทำให้มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 อนุ 5 ที่ระบุว่า .. ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง
.
ด้านนายจิตกร กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากสติปัญญา หรือทัศนคติของผู้บิดเบือน เพราะเมื่อดูจากข้อเท็จจริงจะพบว่า เราอยู่ในสังคมไทยที่เวลา 8.00 น. และ 18.00 น. เป็นเวลาเคารพธงชาติ ซึ่งจะมีการเปิด VTR หรือ มิวสิควิดีโอ ที่ทางการเป็นผู้ผลิตขึ้น และฉายตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆ จากการที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยที่ สะพานหิน จ.ภูเก็ต เมื่อถึงเวลา 18.00 น. ผู้ปราศรัยในเวลานั้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่คนไทยทุกคนพึงกระทำโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมือง จึงได้หยุดการปราศรัย เพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันเคารพธงชาติ โดยภาพที่ปรากฎบนเวทีก็คือ VTR หรือมิวสิควิดีโอที่เป็นทางการและมีใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่มิวสิควิดีโอเพื่อการขอคะแนน รวมทั้งไม่ใช่ภาพที่เป็นฉากหลังของเวทีปราศรัย แต่เป็นช่วงเวลาเพียง 2-3 วินาที จาก VTR ดังกล่าว
.
“ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำการเมืองอย่างสุจริต ตรงไปตรงมา เรามีความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันหลักของประเทศ ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเชิญชวนประชาชนเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. จึงเป็นเรื่องปกติที่วิญญูชนพึงกระทำ และเมื่อจบการเคารพธงชาติ การปราศรัยโดยนายอภิสิทธิ์ ก็ดำเนินต่อไปด้วยเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เลย ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงเป็นความจงใจใส่ร้าย บิดเบือน จูงใจให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน” นายจิตกร กล่าว
.
ทั้งนี้นางดรุณวรรณ ได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า ในการเสพข้อมูลใดๆ ขอให้มีการพิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยเฉพาะในช่วงบรรยากาศการหาเสียงในโค้งสุดท้าย ก็มักจะมีวิธีทำลายคะแนนของคู่แข่ง ดังนั้นจึงอยากวิงวอนให้พรรคการเมือง และผู้สนับสนุนพรรคการเมืองใช้แนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อนำเสนอว่าพรรคการเมืองที่ท่านสนับสนุนนั้นดีอย่างไร มีนโยบายที่เหมาะสมอย่างไร ที่จะเข้าไปแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ แต่ไม่ใช่การใช้การกระทำที่มีเจตนาเพื่อสร้างความเข้าใจผิด บิดเบือน ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะประเด็นการนำสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในทางการเมือง
.
“จากข่าวที่ปรากฎ และที่มีการส่งต่อในโลกออนไลน์ เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่าต้นตอของข่าวนี้มาจากผู้ใด จึงอยากให้ดูภูมิหลังของผู้นั้นเป็นองค์ประกอบในการตัดสินเรื่องความน่าเชื่อถือ และขอให้พี่น้องประชาชนที่เสพข่าวนั้นๆ ก่อนที่จะส่งต่อข้อมูล หรือเข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความเห็น ได้ดูให้ถ้วนถี่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเป็นคู่ความกับผู้ใด และต้องการเห็นบรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แต่เมื่อมีการจงใจทำให้พรรคได้รับความเสียหาย พรรคประชาธิปัตย์ก็จำเป็นต้องปกป้องสิทธิเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นวงกว้างต่อไป” นางดรุณวรรณ กล่าว