นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “เทพ จ.” กับทนายตั้ม
ด้วยอายุราชการที่ยังเหลืออยู่อีกยาวของรองโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
ผ่านร้อนผ่านหนาวในอาชีพตำรวจมามาก ตกระกำลำบากถูกเด้งไปประจำสำนักนายกฯ ก็เคยมาแล้ว
แต่กลับมาเป็น รอง ผบ.ตร. ได้สมญานาม “เทพ จ.” เพราะจ่อตำแหน่ง “ผู้นำองค์กรตำรวจ” เหลืออายุราชการอีก 8 ปี
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สิ่งที่ต้องระวังในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. คือ “คนใกล้ตัว” ที่มักจะทำให้ตกอับกับแสง
เห็นมานักต่อนักในอดีต
ในรูปเห็นอยู่ว่า “ทนายตั้ม” เด็กวานซืนสนิทสนมกับรองโจ๊กแค่ไหน
เอาไปใช้หากินได้อีกเยอะ อย่างน้อยสร้างเครดิตอวดลูกความให้เชื่อถือ
ทนายความกับตำรวจเหมือน “คอหอยกับลูกกระเดือก”
คดีไหนอาศัยใบบุญตำรวจใหญ่จะเสียรูปคดี สำนวนรั่ว เคลียร์กันได้
ก็ขนาดใช้ตำรวจมาเข็นกระเป๋า ขับรถไปจอดให้ยังทำได้
ด้วยอิทธิพลคนใกล้ชิด อาศัยแสงของบิ๊กโจ๊ก กลายเป็น “เทพคนสนิท” อีกคน จนตำรวจทั้งกรมเกรงใจ
คนจะเป็น ผบ.ตร. ควรวางตัวให้ดี ไม่ให้คนใกล้ชิดแอบอ้างไปหากินให้เสียยี่ห้อ
ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ทำงานให้องค์กรตำรวจเต็มที่ ไม่ใช่ไปใกล้ชิดสนิทสนมกับคนทำอาชีพ “ทนาย” ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีความให้เสียความเป็นกลาง
เห็นภาพแบบนี้หนักใจแทน
ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเด็กวานซืนอย่างทนายตั้มจึงคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ เพราะมีผู้ใหญ่ระดับเทพปกป้องคุ้มกะลาหัวนี่เอง
ธรรมเนียมไทยๆ เรื่องของสายสัมพันธ์รู้จักกันไม่ผิด แต่การขอการเคลียร์ก็เป็นเรื่องปกติอีกเหมือนกัน
แม้แต่ฝากตำแหน่งตำรวจก็ไม่ใช่เรื่องยาก
คบแค่รอง ผบ.ตร. ยังรวยน่าสงสัยขนาดนี้ หากขึ้นเป็น ผบ.ตร. จะรวยขนาดไหน?
คงได้เป็น “เทพ ต.” อีกคน หน้าบ้านมีตำรวจเฝ้าเต็มไปหมด หัวกระไดไม่แห้ง
จึงขอสะกิดเตือน “บิ๊กโจ๊ก” ตำรวจด้วยกันกลิ่นมันไว ทิ่มได้เป็นทิ่ม ก็รู้อยู่ว่ามีคนจองกฐินยาว
คนหลงตัวเอง รวยแบบมีเงื่อนงำ ยังเอามาใกล้ชิดแบบนี้จะทำให้เสียเอาง่ายๆ
นี่เป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวจะไม่ได้ขึ้นเพราะเด็กวานซืน
น้ำผึ้งหยดเดียวแท้ๆ