นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ ถึงผลการหารือกับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย และผู้แทนจาก กรมสุขอนามัยและการกักกันพืชและสัตว์ของไต้หวัน ในการเจรจาเพื่อขยายตลาดการส่งออกไข่ไก่สดไปยังไต้หวัน การเจรจาประสบผลสำเร็จ ส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกไข่ไก่สดไปยังไต้หวันได้เป็นครั้งแรก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไข่ไก่สดของไทยควบคุมคุณภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่การผลิตให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยอาหาร ตั้งแต่แหล่งที่มาของสัตว์จากฟาร์มมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี โรงฆ่าและโรงแปรรูปที่มีการปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี และระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม ซึ่งสอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายในประเทศ ตามระเบียบของประเทศคู่ค้าและตามหลักสากล รวมทั้งมีมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ไม่มีการแพร่ระบาดไข้หวัดนกในประเทศไทยมากกว่า 15 ปี ถือเป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและไข่ ที่สามารถผลิตได้อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นที่เชื่อมั่นของประเทศคู่ค้า ซึ่งผลสำเร็จจากการเจรจาเปิดตลาดนี้เป็นไปตามนโยบาย "ครัวไทยสู่ครัวโลก" อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
ทั้งนี้ รัฐบาลตามแนวทางของนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนปฏิรูประบบอาหารและเกษตรสู่ความยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นสินค้าเกษตรและอาหารไทย ทำให้ผู้ผลิตและเกษตรกรไทย มีตลาดใหม่ๆ ในการส่งออกไข่ไก่สด เพิ่มเติมจากตลาดเดิม ที่ส่งออกไปยังฮ่องกงและสิงคโปร์เป็นหลัก ซึ่งในปี 2565 สามารถส่งออกไข่ไก่ได้ 282 ล้านฟอง มูลค่า 1,238 ล้านบาท และยอดการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเจรจาเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ คาดว่าจะมีการเปิดตลาดของไข่สดอีกหลายประเทศ จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับการผลิตและการบริโภคให้ใกล้เคียงภาวะสมดุล
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินการตามนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาโอกาสและช่องทางใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในการเพิ่มมูลค่าการค้าในทุกตลาด โดยรัฐบาลมีความเชื่อมั่นถึงคุณภาพ มาตรฐาน และชื่อเสียงของสินค้าเกษตรไทย ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมดำเนินสนับสนุนตลาดการค้าเพิ่มเติม ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพสินค้าเกษตรไทย เพิ่มโอกาสการแข่งขันในเวทีโลก