ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ไขข้อสงสัยวัดพระแก้วเป็นโบราณสถานหรือไม่? ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า การพิจารณาว่า "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" เป็นโบราณสถานหรือไม่นั้น จำเป็นต้องอ้างอิงจากกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง เป็นไปตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535
มาตรา 4 ได้ระบุไว้ว่า "โบราณสถาน” หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้าง หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นประโยชน์ในทางศิลป ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี ทั้งนี้ ให้รวมถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์และอุทยานประวัติศาสตร์ด้วย
ดังนั้น ความหมายของคำว่า "โบราณสถาน" จึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การขึ้นทะเบียนหรือไม่ได้ขึ้นทะเบียนเท่านั้น หากแต่ขึ้นอยู่กับว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นเข้าข่ายตามที่ระบุไว้ในมาตรา 4 หรือไม่ ถ้าใช่ก็จะเป็นโบราณสถานโดยปริยาย สำหรับ "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" เป็นสถานที่สำคัญอันดับต้นๆ ของชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกย่อมเป็นโบราณสถานอย่างแน่นอน
อนึ่งประโยชน์ของการขึ้นทะเบียนอยู่ที่มาตรา 11 ได้ระบุไว้ว่า โบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วนั้น แม้ว่าจะเป็นโบราณสถานที่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้อธิบดีมีอํานาจสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดๆ ทําการซ่อมแซมหรือกระทําด้วยประการใดๆ อันเป็นการบูรณะหรือรักษาไว้ให้คงสภาพเดิมได้ แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบก่อน
หากแต่ "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของสำนักพระราชวังอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องให้กรมศิลปากรมาดูแลรักษาซ้ำซ้อน เป็นที่มาของสาเหตุซึ่งไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นทะเบียน "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" เป็นโบราณสถานเพื่อให้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของกรมศิลปากร
เมื่อเป็นดังนี้แล้ว "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" ย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 32 ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทำให้โบราณสถานเสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้โบราณสถานไร้ประโยชน์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 700,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากกระทำต่อโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ผู้กระทำมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่มาตรา 32 ก็ได้ระบุไว้ทั้งโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ตลอดจนโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ฉะนั้นการปั่นกระแสบิดเบือนของเครือข่ายลัทธิสามนิ้วว่า "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" ไม่ใช่โบราณสถานเพราะยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนนั้น จึงเป็นการบิดเบือนหลอกใช้คนโง่ในประเทศ ให้ทำผิดติดคุกติดตะรางแทนคนถ่อยที่อยู่นอกประเทศอย่างสมศักดิ์เจียมนั่นเอง