xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กโจ๊ก"แถลงปิด 2 คดีทุนจีนสีเทา "หยู ซินฉี-แก๊ง 14K"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมตำรวจชุดคลี่คลายคดีทุนจีนสีเทา แถลงปิด 2 คดีใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยคนจีนแอบอ้างเบื้องสูงหลอกลวงคนจีนด้วยกันเอง กับคดีแก๊ง 14K ตั้งสมาคมเถื่อน

คดีแรก เป็นการจับกุมนายหยู ซินฉี เป็นผู้ก่อตั้งมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย ซึ่งสมาคมดังกล่าวเป็นการชักจูง แนะนำคนจีนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ ธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และจิวเวลรี่ เครื่องประดับ แลกเปลี่ยนเงินตรา โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีฐานะทางการเงิน และต้องการออกไปประกอบธุรกิจต่างประเทศ

วิธีการชักจูง จะออกจดหมายเชิญเข้าร่วมการสัมมนา การประชุม เข้าชมนิทรรศการต่างๆ และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กลุ่มทุน เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจ สำหรับพฤติการณ์ที่สร้างความไว้วางใจให้กลุ่มคนจีน คือ การเข้าร่วมกิจกรรมงานสำคัญระดับชาติของไทย และถ่ายรูปร่วมกับบุคคลสำคัญของไทย อาทิ นายกรัฐมนตรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบุคคลสำคัญอื่นๆ รวมทั้งราชวงศ์ ก่อนนำรูปดังกล่าวไปใช้แอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญ นายหยู ซินฉี ยังจัดทำนามบัตรและระบุว่าเป็นสมาชิกราชวงศ์กิตติมศักดิ์ และนำนามบัตรแจกจ่ายให้นักลงทุนชาวจีน

ตำรวจชุดเฉพาะกิจ ซึ่งมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นหัวหน้าชุด ร่วมกับกรมการปกครอง เข้าตรวจค้นสมาคมดังกล่าวในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านสายไหม จากการตรวจสอบพบว่าสมาคมดังกล่าวไม่ได้มีการจดทะเบียนการจัดตั้งสมาคมตามกฎหมายไทย เป็นการก่อตั้งในลักษณะฉ้อโกง หาผลประโยชน์ให้ตัวเองโดยทุจริต จึงแจ้งข้อกล่าวหาจัดตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำข้อความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเตรียมแจ้งข้อหา ตามมาตรา 112 สัปดาห์​หน้า​ นอกจากนี้ ยังเตรียมแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทตามที่นายชูวิทย์​ กมลวิศิษฎ์ เข้าแจ้งความ​ด้วย

สำหรับนายหยู ซินฉี เป็นบุคคลที่ถูกนายชูวิทย์เปิดโปงพฤติกรรมแอบอ้างบุคคลสำคัญ หลอกเพื่อนร่วมชาติลงทุนในไทย ก่อนนำหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ดำเนินการ ต่อมาคดีนี้มีการถูกโอนให้ชุดเฉพาะกิจของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจากการสืบสวนของชุดเฮพาะกิจพบว่า คดีนี้มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองร่วมกระทำความผิด ตั้งแต่การช่วยเหลือนายหยู ซินฉี ตั้งแต่การเปิดทางให้เข้าไทยได้อย่างสะดวก และมีการต่อวีซ่า โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องดำเนินการ และมีการปรับเปลี่ยนวีซ่า

ขณะนี้ นายหยู ซินฉี ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ต้องรับโทษที่ไทย ก่อนจะเตรียมผลักดันกลับประเทศไปดำเนินคดีที่นต่อไป

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า หลังจากหารือกับสถานเอกอัคราชทูตจีน ทางการจีนเห็นด้วยกับข้อหากับที่ตำรวจไทยแจ้งข้อหา พร้อมยื่นคำร้องขอนำตัวผู้ต้องหารายนี้กลับไปดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจีน

ส่วนคดีที่ 2 เป็นการปิดคดีทลายสมาคมเถื่อนแก๊ง 14K หลอกลวงทรัพย์สิน และหาผลประโยชน์จากคนไทยและคนจีน โดยคดีนี้ ชุดเฉพาะกิจสืบสวนพบว่ามีกลุ่มคนจีนจัดตั้งสมาคมเถื่อน ภายใต้ชื่อสมาคมหงเหมิน โดยสมาคมแรก คือ สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมิน ซึ่งมีนายป๋าย จ้าวฮุย เป็นประธานสมาคม ซึ่งสมาคมดังกล่าวตั้งอยู่ย่านวังทองหลาง ส่วนสมาคมที่ 2 สมาคมพันธมิตรหงเหมิน ลก มีนายวุฒิ แซ่เหลียง เป็นประธานสมาคมประจำสาขาไทย ในพื้นที่บางขุนเทียน

จากการตรวจสอบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่าทั้งสองสมาคมไม่ได้มีการจัดตั้งสมาคมอย่างถูกต้อง และการตรวจค้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบพยานหลักฐานจำนวนมาก จึงออกหมายจับนายป๋าย จ้าวฮุย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แต่นายป๋าย จ้าวฮุย รู่ตัวล่วงหน้า เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างประสานงานระหว่างทางการไทยและจีน เพื่อตรวจสอบว่าหลบหนีไปอยู่ที่ใด สำหรับนายป๋าย จ้าวฮุย เป็นบุคคลหนึ่งที่ทางการจีนต้องการตัวกลับไปดำเนินคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทั้งคดีมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทยของนายหยู ซิน ฉี และสมาคมหงเหมิน ของป๋าย จ้าวฮุย ไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นคดีจีนเทาหลอกจีนเทา และจีนดำหลอกจีนดำ จึงทำให้คดีนี้ไม่มีผู้เสียหาย

ส่วนสาเหตุที่กลุ่มคนจีนเทาเข้ามาใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นที่ตั้งซ่องสุมเพื่อก่อเหตุหลอกลวงเพื่อนชาวจีน เพราะประเทศไทยสามารถเข้าออกได้ง่าย และระบบสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังคงมีปัญหา มีการทุจริตช่วยเหลือ จึงทำให้เป็นจุดอ่อน ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ในประเทศไทยได้ ยอมรับว่าต่อจากนี้ต้องมีการปรับปรุงระบบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้เข้มแข็งมากขึ้น เพราะหากมีการเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมืองและมีการปราบปรามอย่างจริงจัง จะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช้ประเทศไทยในการก่อเหตุกับเพื่อนร่วมชาติอีกต่อไป