นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี เป็นระยะเวลารับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาทั่วประเทศ อาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำทุจริตเกี่ยวกับการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา หรือที่เรียกว่า "แป๊ะเจี๊ยะ" ซึ่งถือว่าเป็นเงินสินบนรูปแบบหนึ่งที่ผลักภาระไปให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่นอกจากจะต้องส่งเสียให้บุตรหลานเรียนโรงเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าแล้ว ยังต้องเจอค่าแป๊ะเจี๊ยะที่มีมูลค่าสูงกว่าค่าเล่าเรียนหลายเท่าตัว เพื่อให้นักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนที่มุ่งหวังได้ ซึ่งเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ผิด แทนที่จะให้ค่ากับการพยายามตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แต่กลับยอมจ่ายเงินตอบแทนจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นคือหลายกรณีพบข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับแป๊ะเจี๊ยะ ใช้อำนาจบีบบังคับให้สถานศึกษารับนักเรียนที่จ่ายเงิน
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้สำนักงาน ป.ป.ช. ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ติดตามเฝ้าระวังปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง เพราะถือได้ว่าเป็นวงจรส่งเสริมการทุจริต โดยในปี 2562 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ผลักดันมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตการเรียกรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการ เข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
สำหรับข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. ต่อ สพฐ. คือ ให้พิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ตอบแทน นอกจากนี้ ให้กำหนดวิธีการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้าน และทุกสถานศึกษาต้องแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียด การเก็บเงินบำรุงการศึกษาให้ผู้ปกครองนักเรียนรับทราบไว้ชัดเจน เป็นไปตามแนวนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เน้นย้ำว่าการรับนักเรียนปีการศึกษา 2566 ต้องโปร่งใส ยุติธรรม ไม่มีการใช้เงินแลกที่นั่งเรียน ห้ามมี "แป๊ะเจี๊ยะ" และหากพบจะวางบทลงโทษสูงสุด สอดคล้องกับสำนักงาน ป.ป.ช. และเครือข่ายเฝ้าระวังการทุจริต ที่จะร่วมเป็นหูเป็นตา เพื่อมุ่งหวังว่าการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยจะไม่ต้องจบอยู่ที่เงินสินบน