กรณีธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) กลายเป็นธนาคารแห่งที่ 2 ของสหรัฐฯ ต่อจากธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ (SVB) ที่ถูกหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ปิดกิจการ และยึดทรัพย์สิน โดยบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯ (Federal Deposit Insurance Corporation : FDIC) เข้าควบคุมซิกเนเจอร์ ซึ่งมีสินทรัพย์ 110,360 ล้านดอลลาร์ และเงินฝาก กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร รับรองว่าผู้ฝากเงินทุกรายของธนาคารทั้ง 2 แห่ง จะได้รับการคุ้มครอง และผู้เสียภาษีจะไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้น แต่มาตรการเหล่านี้ ไม่ครอบคลุมผู้ถือหุ้นนั้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อัยการสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบธนาคารซิกเนเจอร์ ซึ่งสนับสนุนลูกค้ากลุ่มคริปโทเคอร์เรนซีเป็นหลัก ก่อนที่หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ายึดธนาคารอย่างกะทันหันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ โดยสงสัยว่า ธนาคารมีการทำงานตามขั้นตอนที่จำเป็นในการตรวจสอบกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่าลูกค้าของธนาคารมีการฟอกเงินหรือไม่
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบธนาคารซิกเนเจอร์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการกล่าวหาธนาคาร ตลอดจนพนักงานว่ากระทำความผิด และการสืบสวนอาจสิ้นสุดลงโดยไม่มีการดำเนินคดี
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อัยการสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบธนาคารซิกเนเจอร์ ซึ่งสนับสนุนลูกค้ากลุ่มคริปโทเคอร์เรนซีเป็นหลัก ก่อนที่หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ายึดธนาคารอย่างกะทันหันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ โดยสงสัยว่า ธนาคารมีการทำงานตามขั้นตอนที่จำเป็นในการตรวจสอบกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่าลูกค้าของธนาคารมีการฟอกเงินหรือไม่
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบธนาคารซิกเนเจอร์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการกล่าวหาธนาคาร ตลอดจนพนักงานว่ากระทำความผิด และการสืบสวนอาจสิ้นสุดลงโดยไม่มีการดำเนินคดี