ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ หรือ เอ็นพีซี ชุดที่ 14 ของจีนมีมติเห็นชอบให้นายอี้ กัง วัย 65 ปี ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารประชาชน (พีบีโอซี) หรือธนาคารกลางของจีนต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง เสนอชื่อ และเห็นชอบให้นายหลิว คุน วัย 66 ปี เป็นรัฐมนตรีคลัง และนายหวัง เหวินเถา วัย 58 ปี เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์เช่นเดิม
มติของเอ็นพีซีที่ให้บุคคลทั้ง 3 ให้อยู่ในตำแหน่งเดิม สร้างความประหลาดใจให้แก่บรรดานักวิเคราะห์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม การที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อาจเพราะทางการจีนต้องการสร้างความต่อเนื่องและความมีเสถียรภาพของการทำงานด้านเศรษฐกิจและการเงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากจีนเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยมีการกำหนดเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ปีนี้ ไว้ที่ประมาณร้อยละ 5 หลังจากที่จีดีพีในปี 2565 ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 3 เป็นสถิติที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2519 นอกจากนี้ ตลาดที่อยู่อาศัย และการก่อสร้างที่มีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของจีดีพียังได้รับผลกระทบอย่างหนักนับตั้งแต่จีนเริ่มแก้ไขปัญหาการกู้ยืมที่มากเกินไปและการเก็งกำไร ในปี 2563
ขณะที่ นายอี้ กัง ไม่มีชื่ออยู่ในคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ หรือโปลิตบูโรชุดใหม่ ประกอบกับตัวเลขทางเศรษฐกิจในปีที่แล้วที่ออกมาไม่ดีนัก ทำให้มีการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่า เขาจะเกษียณการทำงาน ขณะที่มีแนวโน้มว่า ประธานกลุ่มบริษัททางการเงินของรัฐ CITIC Group Corp จะสืบทอดตำแหน่งประธานธนาคารกลาง
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในการประชุมครั้งนี้ คือการที่เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.66) นายหลี่ เฉียง วัย 63 ปี ได้รับการรับรองให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายหลี่ เค่อ เฉียง วัย 67 ปี ที่ลงจากตำแหน่งเมื่อดำรงตำแหน่งครบ 2 วาระ รวม 10 ปี
นายหลี่ เฉียง เป็นอดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เซี่ยงไฮ้ และเป็นหนึ่งในกลุ่มคนสนิทของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังได้แต่งตั้งคนสนิทอีกหลายคนดำรงตำแหน่งสำคัญ ในขณะที่เขาเริ่มวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 5 ปีในสมัยที่ 3