นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า เมื่อกาลวินาศมาถึงแล้ว ความคิดและสติปัญญาก็จะวิปริตฟั่นเฟือนไป"
1.นักการเมืองจาก ปชป.หลั่งไหลไปเข้า รทสช.มากที่สุด จนเกิดความแตกแยกภายในครั้งใหญ่ ส่วนภายนอกก็ถูกดูแคลน ดังนั้นถ้าไม่ใช่การ" ล้างแค้นโดยกล ตีให้แตกจากภายใน" แล้ว กองเชียร์ ปชป.ก็อาจคิดว่าเป็นเรื่องวิบากกรรมแล้วจะสบายใจ เพราะแค่การปราศรัยครั้งแรก เรื่องโจรก็เลือกโจรเป็นหัวหน้า (นักการเมือง)เหี้ยก็เลือกเหี้ยเป็นหัวหน้า ผู้คนก็หัวเราะเยาะหยันมองหากันว่าใครเป็นหัวหน้า ยังไม่ทันจาง ก็มีเรื่องการปราศรัยครั้งที่ 2 ที่โคราชประดังเข้ามาอีก
2.วันนี้มีข่าวว่ามือร้องเรียนที่ฉมังและจริงจังจะไปร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบการปราศรัยที่โคราช ว่ามีความผิดหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นการร้องขอให้ตรวจสอบทั้งพรรคและผู้ปราศรัย ก็จะเป็นการประเดิมระเบียบใหม่ในการสอบสวนของ กกต. ถ้ามีการร้องเรียน กกต.ต้องทำการตรวจสอบโดยสุจริตและเที่ยงธรรมโดยเร็วตามกฎหมายเพราะเป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้าล่าช้าหรือไม่ทำ นอกจากอาจถูกร้องต่อ ป.ป.ช. แล้วผู้ร้องอาจฟ้อง กกต.ต่อศาลอาญาทุจริตได้ เพราะเหตุเป็นผู้ร้องสถานหนึ่งและโดยนัยยะบรรทัดฐานที่ว่าการร้องเรียนเพื่อประโยชน์สาธารณะถือเป็นผู้เสียหายด้วย
3.การปราศรัยที่โคราชเกี่ยวกับการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นข่าวดังสนั่นสะท้านประเทศไทย ผู้ที่มีความจงรักภักดีแท้ย่อมต้องปกป้องสถาบัน และต้องสนับสนุนให้ กกต. ตรวจสอบในเรื่องนี้ ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรมและรวดเร็ว ถ้าใครปกป้องการพาดพิงสถาบัน ก็เท่ากับการอ้าง"จงรักภักดี" ที่ผ่านมาเป็นหน้ากาก เหมือนกับหน้ากากคนดี ที่ถูกถอดออกไปแล้วนั่นเอง
ทำให้นึกถึงพระพุทธวัจนะที่ว่า "วินาศสกาเล ปริตตะพุฒิ - เมื่อกาลวินาศมาถึงแล้ว ความคิดและสติปัญญาก็จะวิปริตฟั่นเฟือนไป"
#นับถอยหลังการเลือกตั้ง