xs
xsm
sm
md
lg

'เทสลา'เรียกคืนรถกว่า 3.6 แสนคันในสหรัฐฯ หลังพบปัญหาในระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หน่วยงานด้านความปลอดภัยการจราจรของสหรัฐอเมริกา กดดันให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เทสลา (Tesla) ต้องเรียกคืนรถยนต์ เกือบ 363,000 คัน จากปัญหาระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ หรือ Full Self-Driving (FSD) ที่อาจทำงานผิดพลาดเมื่อถึงทางแยก หรืออาจจะไม่จำกัดความเร็วตามที่กำหนดในบางครั้ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ขณะขับขี่

การเรียกคืนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนครั้งใหญ่ของสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ หรือ NHTSA (National Highway Traffic Safety Administration) ต่อระบบ Full Self-Driving ของเทสลา ซึ่งถือเป็นการตรวจสอบครั้งใหญ่ที่สุดของ NHTSA ที่มีต่อบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่นี้

NHTSA ระบุว่า ระบบ Full Self-Driving ที่มีใช้ในรถยนต์เทสลาราว 400,000 คัน มีปัญหาด้านความปลอดภัยเมื่อวิ่งผ่านทางแยกขณะอยู่ในช่องทางที่บังคับเลี้ยว หรือวิ่งผ่านทางแยกขณะที่ไฟจราจรเป็นสีเหลือง และมันอาจไม่หยุดสนิทขณะเจอป้ายหยุด นอกจากนี้ ในบางกรณีระบบดังกล่าวยังตอบสนองอย่างไม่เหมาะสมในการจำกัดความเร็วของรถอีกด้วย

นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ของเทสลา เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ารถเทสลาที่มีระบบ "Full Self-Driving" มีความปลอดภัยกว่ามนุษย์ ขับเอง อีกทั้งผู้ขับขี่ยังแทบไม่ต้องแตะระบบควบคุมรถยนต์เองเลยด้วยซ้ำ แต่การตรวจสอบของ NHTSA ครั้งนี้ ทำให้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของนายมัสก์

เอกสารการตรวจสอบของ NHTSA ระบุว่า เทสลาจะแก้ปัญหานี้ด้วยการอัพเดทซอฟต์แวร์ออนไลน์ของรถยนต์เทสลาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และบอกด้วยว่า เทสลายินดีเรียกคืนรถยนต์แม้จะไม่เห็นด้วยกับรายงานการตรวจสอบของทางการก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (16 ก.พ.) นายมัสก์ ทวีตข้อความว่า การเรียก "การอัปเดตซอฟแวร์ออนไลน์" ว่าเป็นการ "เรียกคืนรถยนต์" นั้นเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างยิ่ง เนื่องจากลูกค้าสามารถปรับอัปเดตซอฟต์แวร์ FSD ทางออนไลน์ ไม่ต้องนำรถกลับมาที่ดีลเลอร์หรือที่บริษัท

การเรียกคืนรถยนต์เทสลาครั้งนี้ครอบคลุมรถยนต์รุ่นต่างๆ ของบริษัท ได้แก่ รถยนต์เทสลาโมเดล S และโมเดล X รุ่นระหว่างปี 2016 – 2023 เทสลาโมเดล 3 ระหว่างปี 2017 - 2023 และ โมเดล Y ระหว่างปี 2020-2023 ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ หรือ Full Self-Driving