นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (24 ม.ค.66) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน โดยให้ความช่วยเหลือส่วนลดค่าไฟแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน โดยแบ่งเป็นความช่วยเหลือให้ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วย/เดือน ให้ส่วนลดค่าไฟ 92.04 สตางค์/หน่วย ซึ่งไม่มีการปรับขึ้นค่า Ft ในกลุ่มนี้ และได้รับอัตราค่าไฟฟ้าเท่ากับงวดที่ผ่านมา ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วย/เดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 67.04 สตางค์/หน่วย เป็นระยะเวลา 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.66) โดยคาดว่าจะช่วยเหลือภาคครัวเรือนได้ 19.66 ล้านราย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังมีแนวโน้มยืดเยือ ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานโลกยังอยู่ในระดับสูง คาดว่าราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักผลิตไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงตามตลาดโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนกลุ่มเปราะบาง จึงมีความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านไฟฟ้าต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่ได้สิ้นสุดไปเมื่อเดือนธันวาคม 2565
สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการช่วยเหลือประมาณ 7,500 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2566 โดยแบ่งเป็นการใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง ในส่วนของเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3,200 ล้านบาท และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดสรรเงินสนับสนุนตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 วงเงินรวมไม่ต่ำกว่า 4,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มีมติปรับลดอัตราค่าบริการรายเดือนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย อัตราปกติที่ใช้ไฟฟ้าเกินกว่า 150 หน่วย/เดือน และอัตราตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Tariff : TOU Tariff) ระดับแรงดันต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ จากเดิม 38.22 ปรับลดลงเป็น 24.62 บาท/เดือน
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาล โดย กพช. ได้มีมติเน้นย้ำในการดูแลค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มบ้านอยู่อาศัย โดยให้มีการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้า (ค่า Ft) สำหรับกลุ่มบ้านอยู่อาศัย
การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ก็ได้มีมติให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับประชาชนผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย ให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูง และด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ภาครัฐจึงต้องเน้นความช่วยเหลือให้กับกลุ่มเปราะบางเป็นหลักก่อน โดยได้จัดสรรงบประมาณให้การช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าตามหลักเกณฑ์ข้างต้นเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2566 ครัวเรือนที่ได้รับการช่วยเหลือในรอบนี้ คิดเป็นร้อยละ 90 ของครัวเรือนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในรอบค่า Ft ถัดๆ ไป คาดว่าต้นทุนเชื้อเพลิงมีทิศทางที่จะปรับลดลง ทำให้สถานการณ์ค่า Ft มีแนวโน้มบรรเทาลง
ในปี 2565 กระทรวงพลังงานได้ดำเนินมาตรการเพื่อบริหารต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เพื่อลดผลกระทบจากราคาก๊าซนำเข้าที่แพงขึ้นเป็นอย่างมาก รวมทั้งมาตรการการปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิง การเพิ่มการจัดหาก๊าซจากแหล่งภายในประเทศที่มีราคาถูก การลดการใช้ก๊าซในภาคอุตสาหกรรมและปิโตรเคมี ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงให้กับประเทศได้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท