พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีตำรวจท่องเที่ยว 2 นาย ไปเกี่ยวข้องกับการขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน โดยตำรวจนายแรกมียศร้อยตำรวจเอก และอีกนาย ยศดาบตำรวจ ซึ่งมีข้อมูลจากโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนหน้านี้ ว่า ดาบตำรวจเป็นผู้รับงาน แต่ไม่ว่าง และให้ร้อยตำรวจเอกไปทำหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยวแทนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 โดยจะสอบทั้งประเด็นว่า เรื่องนี้มีการทำเป็นขบวนการหรือไม่ ทำมาแล้วกี่ครั้ง มีบุคคลใดหรือหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติม และมีการแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือไม่ หรือใช้อำนาจให้ตัวเองในทางมิชอบหรือไม่ ซึ่งเมื่อผลการตรวจสอบแล้วเสร็จ คณะกรรมการฯ จะรายงานให้จเรตำรวจแห่งชาติพิจารณาต่อไป ก่อนรายงานผลต่อไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พิจารณาตามขั้นตอนสืบสวนข้อเท็จจริง
ส่วนประเด็นดาบตำรวจสั่งการร้อยตำรวจเอกได้หรือไม่นั้น จากการสอบสวนพบว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน จึงสามารถไหว้วานกันได้
ส่วนจะมีการเรียกนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนมาให้ปากคำหรือไม่นั้น พล.ต.ต.อภิชาติ ระบุว่า เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใช้ดุลพินิจและความระมัดระวังในการเรียกมาสอบสวน เพราะอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และกระทบบรรยากาศการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว เนื่องจากเรื่องนี้ยังไม่เป็นคดีความ ส่วนที่สังคมมองว่าตำรวจทั้ง 4 นาย อาจไม่ได้หาประโยชน์ให้กับตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการหาผลประโยชน์ให้องค์กรมากกว่านั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบความผิดจะดำเนินการไม่มีละเว้นแน่นอน โดยผลการสอบสวนจะแล้วเสร็จพร้อมส่งให้จเรตำรวจแห่งชาติพิจารณาในเร็วๆ นี้
พล.ต.ต.อภิชาติ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงกรณีที่ตำรวจ 3 นายในคลิป แต่งเครื่องแบบนอกเวลาราชการนำขบวนนั้น ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ถือว่ามีความผิด เพราะการเป็นตำรวจต้องเป็นตำรวจ 24 ชั่วโมง แต่ในกรณีนี้ต้องดูว่าเป็นการแต่งเครื่องแบบไปหาผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งต้องรอผลการสืบสวนอีกครั้ง ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับมายังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะเป็นเรื่องที่กระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ ยืนยันว่า ไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน