วันนี้ (15 ม.ค.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำ นายบุรินทร์ บัวผัน และนายกิตติกร จันทร์แก้ว ผู้เสียหายทั้ง 2 คน เข้าร้องสื่อมวลชน หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฮกข้อมูลโทรศัพท์ ก่อนโอนเงินออกไปจากบัญชีธนาคาร โดยพบว่า มีผู้เสียหายมากกว่า 10 รายแล้ว และความเสียหายมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
นายเอกภพ เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียน เรื่องถูกแฮกข้อมูลโทรศัพท์ และโอนเงินจากแอปฯบัญชีธนาคารของผู้เสียหายไปยังบัญชีอื่น จากที่สอบถามผู้เสียหาย มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะพฤติการณ์ของมิจฉาชีพมีการพัฒนาขึ้นจากปกติก่อนหน้าจะมีการส่งลิงก์ต่างๆ มาหลอกให้กดเพื่อดูดข้อมูล หรือเป็นช่องทางในการเข้าถึงโทรศัพท์ ที่มีแอปพลิเคชันของธนาคาร แต่ในผู้เสียหายกลุ่มนี้ ค่อนข้างระวังตัวมาก ไม่โหลดแอปฯแปลกๆ ไม่ชาร์ตแบตเตอรี่หรือใช้ไวไฟสาธารณะ แต่จู่ๆ มีข้อความจากธนาคารแจ้งเตือนว่า ได้มีการโอนเงินจากธนาคารของตัวเอง ไปยังธนาคารปลายทาง ทั้งที่ผู้เสียหายไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ จึงเชื่อว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก และน่าจะขยายวงกว้างออกไปอีก
ทั้งนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5-14 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเงินของผู้เสียหายจะถูกโอนเข้าไปในหลายบัญชี แต่หลักๆ ที่ถูกโอนเข้าไป คือบัญชีของนายจักรกฤษ (สงวนนามสกุล) โดยยอดเงินผู้เสียหายมีตั้งแต่ยอดเล็กๆ ไปจนถึง 5 แสนบาท ซึ่งโทรศัพท์ทั้งหมดที่ถูกแฮกจะเป็นโทรศัพท์แอนดรอยด์ทั้งหมด
นอกจากนี้ ผู้เสียหายบางรายที่ใช้ไอโฟน อาจจะมีเหล่ามิจฉาชีพพยายามแฮกเข้ามาควบคุมโทรศัพท์ แต่ไอโฟนจะมีข้อความแจ้งเตือนมายังเครื่องว่า ระวัง ตรวจจับการใช้โปรแกรมควบคุมหน้าจอให้ทำการปิดเครื่อง และเปิดเครื่องอีกครั้ง เพื่อใช้งาน ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ หลายหน่วยงานต้องเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ จะนำผู้เสียหายเข้าพบ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี ผบช.สอท. ในวันที่ 17 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น. เพื่อแจ้งความติดตามจับตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี รวมไปถึงหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
สำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์ ระบบแอนดรอยด์ และมีแอปฯ ธนาคาร เบื้องต้นแนะนำให้ลบแอปฯ ออกไปก่อน เพื่อความปลอดภัย
นายเอกภพ เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียน เรื่องถูกแฮกข้อมูลโทรศัพท์ และโอนเงินจากแอปฯบัญชีธนาคารของผู้เสียหายไปยังบัญชีอื่น จากที่สอบถามผู้เสียหาย มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะพฤติการณ์ของมิจฉาชีพมีการพัฒนาขึ้นจากปกติก่อนหน้าจะมีการส่งลิงก์ต่างๆ มาหลอกให้กดเพื่อดูดข้อมูล หรือเป็นช่องทางในการเข้าถึงโทรศัพท์ ที่มีแอปพลิเคชันของธนาคาร แต่ในผู้เสียหายกลุ่มนี้ ค่อนข้างระวังตัวมาก ไม่โหลดแอปฯแปลกๆ ไม่ชาร์ตแบตเตอรี่หรือใช้ไวไฟสาธารณะ แต่จู่ๆ มีข้อความจากธนาคารแจ้งเตือนว่า ได้มีการโอนเงินจากธนาคารของตัวเอง ไปยังธนาคารปลายทาง ทั้งที่ผู้เสียหายไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ จึงเชื่อว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก และน่าจะขยายวงกว้างออกไปอีก
ทั้งนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5-14 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเงินของผู้เสียหายจะถูกโอนเข้าไปในหลายบัญชี แต่หลักๆ ที่ถูกโอนเข้าไป คือบัญชีของนายจักรกฤษ (สงวนนามสกุล) โดยยอดเงินผู้เสียหายมีตั้งแต่ยอดเล็กๆ ไปจนถึง 5 แสนบาท ซึ่งโทรศัพท์ทั้งหมดที่ถูกแฮกจะเป็นโทรศัพท์แอนดรอยด์ทั้งหมด
นอกจากนี้ ผู้เสียหายบางรายที่ใช้ไอโฟน อาจจะมีเหล่ามิจฉาชีพพยายามแฮกเข้ามาควบคุมโทรศัพท์ แต่ไอโฟนจะมีข้อความแจ้งเตือนมายังเครื่องว่า ระวัง ตรวจจับการใช้โปรแกรมควบคุมหน้าจอให้ทำการปิดเครื่อง และเปิดเครื่องอีกครั้ง เพื่อใช้งาน ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ หลายหน่วยงานต้องเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ จะนำผู้เสียหายเข้าพบ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี ผบช.สอท. ในวันที่ 17 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น. เพื่อแจ้งความติดตามจับตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี รวมไปถึงหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
สำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์ ระบบแอนดรอยด์ และมีแอปฯ ธนาคาร เบื้องต้นแนะนำให้ลบแอปฯ ออกไปก่อน เพื่อความปลอดภัย