วันนี้ (14 ม.ค.) นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาโครงสร้างราคาการตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์ม และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ปาล์มน้ำมัน) กล่าวถึงปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ว่า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มดิบ กลับไม่ได้หาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งที่ควรทำคือการเจรจาให้โรงงานสกัด เปิดรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร ทั้งที่ควรทำก่อนหน้านี้ เมื่อรู้ว่าปริมาณผลปาล์มดิบจากสวนจะออกสู่ตลาด ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะของปาล์มขาดคอ ในด้านของการบริหารจัดการ เพื่อรับมืออย่างเป็นรูปธรรมคือ การประสานงานกับกระทรวงพลังงาน เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของน้ำมันไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B10 ล่วงหน้า และมองหาช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น เมื่อรู้ว่าอินโดนีเซียคุมเข้มการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศในระยะครึ่งปีแรก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ผ่านมา แต่ความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ คือ การเสนอให้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เห็นชอบเรื่องของการเพิ่มสต็อกน้ำมันปาล์มจาก 200,000 ตัน เป็น 290,000 ตัน โดยอ้างว่า เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุเพื่อการบริโภคพุ่ง ซึ่ง กนป. ไม่ได้มีมติ ด้วยเหตุผลจากเกษตรกรที่ว่า เรามีจำนวนการผลิตน้ำมันปาล์มมากจนเกินกว่าการใช้งานอยู่แล้ว ดังนั้น สต๊อกจึงเป็นไปตามสภาพการผลิต รวมทั้งปัจจัยของตลาดภายใน และตลาดส่งออก ขณะที่เงื่อนไขการส่งออกน้ำมันปาล์ม หากมีสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศเกิน 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มในประเทศสูงกว่าราคาต่างประเทศ ผู้ส่งออกจะได้รับเงินสนับสนุนการส่งออกจากรัฐ กก.ละ 2 บาท โดยใช้เงินจากโครงการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ของกระทรวงพาณิชย์ (ซึ่งยังมีงบเหลืออีกประมาณ 300 ล้านบาท) สถานการณ์วันนี้คือ ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในปัจจุบันของไทยอยู่ที่ 32.50 บาท ขณะที่ของมาเลเซียอยู่ที่ 31.19 บาท โดยส่วนใหญ่ไทยมีราคาสูงกว่ามาตลอด ยกเว้นช่วงนี้ ราคาเริ่มลดลง ไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ราคาปาล์มตกต่ำเข้าใกล้เงื่อนไขโครงการประกันรายได้ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ราคาต่ำกว่า 4 บาทแล้วนั้น ซึ่งประจวบเหมาะกับใกล้ช่วงการเลือกตั้ง หลายฝ่ายจึงตั้งข้อสงสัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องของโรงงานที่หยุดรับซื้อผลปาล์มดิบพร้อมกันในช่วงปีใหม่ติดต่อกันหลายวัน โดยพบว่า มีโรงงานที่ยังไม่เปิดรับซื้ออีก 22 โรงงาน จาก 80 โรงงาน แต่กระทรวงพาณิชย์ ยังคงรายงานว่ามีสถานการณ์ที่ปกติ
ทั้งนี้ ราคาปาล์มตกต่ำเข้าใกล้เงื่อนไขโครงการประกันรายได้ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ราคาต่ำกว่า 4 บาทแล้วนั้น ซึ่งประจวบเหมาะกับใกล้ช่วงการเลือกตั้ง หลายฝ่ายจึงตั้งข้อสงสัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องของโรงงานที่หยุดรับซื้อผลปาล์มดิบพร้อมกันในช่วงปีใหม่ติดต่อกันหลายวัน โดยพบว่า มีโรงงานที่ยังไม่เปิดรับซื้ออีก 22 โรงงาน จาก 80 โรงงาน แต่กระทรวงพาณิชย์ ยังคงรายงานว่ามีสถานการณ์ที่ปกติ