xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ เชื่อมั่นสินค้า GI ไทย สั่งเพิ่มศักยภาพ สร้างมูลค่าทางการตลาด นำรายได้เข้าชุมชนท้องถิ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยอดขาย และมูลค่าการส่งออกสินค้าที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ สินค้า GI (Geographical Indications) ของไทยในปี 2565 คาดว่าจะถึงยอด 48,000 ล้านบาท โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการมุ่งเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ชุมชน สนับสนุนสินค้าอัตลักษณ์ท้องถิ่น และยกระดับวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ตลอดจนใช้ประโยชน์และต่อยอดจากสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับยอดขายสินค้า GI รวมถึงการส่งออก อยู่ที่ประมาณ 48,000 ล้านบาท ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 39,000 ล้านบาท ในปี 2564 ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าการขึ้นทะเบียนสินค้าที่ GI ใหม่ 22 รายการ ในปีนี้ และทั้งหมดได้รับการจดทะเบียนแล้ว อาทิ ปลาเม็ง จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขมิ้นชัน จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี มะม่วงเบา จากจังหวัดสงขลา มะขามหวานเพชรบูรณ์ เผือกบ้านหมอ จากจังหวัดสระบุรี มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง จากจังหวัดฉะเชิงเทรา ครกหินแกรนิต จากจังหวัดตาก ผ้าไหมปักธงชัย จากจังหวัดนครราชสีมา ส้มโอปราจีน จากจังหวัดปราจีนบุรี และพุทรานมบ้านโพน จากจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นต้น โดยปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI แล้วกว่า 195 รายการ ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศ อาทิ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ในสหภาพยุโรป กาแฟดอยช้าง ในสหภาพยุโรป กาแฟดอยตุง ในสหภาพยุโรปและกัมพูชา ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ในสหภาพยุโรป เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ในเวียดนาม ผ้าไหมยกดอกลําพูน ในอินเดียและอินโดนีเซีย มะขามหวานเพชรบูรณ์ ในเวียดนาม และลําไยอบแห้งเนื้อสีทองลําพูน ในเวียดนาม เป็นต้น

นายอนุชา กล่าวเพิ่มติมว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในเอกลักษณ์และคุณภาพสินค้า GI ไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็น Soft Power ที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างงานและรายได้ให้กับเกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการในท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าสินค้าไทยที่มีอัตลักษณ์ และหลากหลาย สามารถพัฒนาต่อยอดธุรกิจเพิ่มมูลค่า พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเดินหน้าส่งเสริมโอกาสทางการค้าของสินค้าไทยให้เติบโตสู่ตลาดโลก สร้างมูลค่าทางการตลาด และนำรายได้เข้าสู่ชุมชนท้องถิ่น ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี