นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าการแจ้งเบาะแสยาเสพติดแบบไม่เปิดเผยตัวตน หรือ ระบบบล็อกเชน ว่า กระทรวงยุติธรรมเล็งเห็นความสำคัญของผู้แจ้งเบาะแสยาเสพติด ที่ขณะนี้สังคมเริ่มตื่นตัวอยากเข้ามามีส่วนร่วมเป็นพลเมืองดีมากขึ้น อย่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพราะทุกภาคส่วนตระหนักเห็นแล้วว่ายาเสพติดถือเป็นภัยร้ายในสังคมที่ทำลายอนาคตเยาวชน แต่ที่ผ่านมามีคนโทรแจ้งเบาะแสที่สายด่วน 1386 เพียง 16,000 คู่สาย ทั้งที่ประเทศไทยมีกว่า 8 หมื่นหมู่บ้าน โดยอาจเป็นเพราะประชาชนกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ตนจึงให้ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำระบบบล็อกเชน ที่ไม่สามารถระบุตัวตนคนแจ้งได้ ทำให้มีความปลอดภัย 100% ซึ่งจะเป็นการช่วยลบความเชื่อแบบเดิมๆ ที่ผู้ค้ายา จะรู้ตัวคนแจ้งเบาะแสเร็วมากจากเจ้าหน้าที่รัฐ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ระบบบล็อกเชน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทีมวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กำลังศึกษาระบบอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าระบบมีความปลอดภัยสูง คาดว่าจะสามารถทดสอบการใช้งานได้เบื้องต้นภายในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 เพราะทีมวิจัยกำลังเร่งศึกษารูปแบบการจ่ายเงินรางวัลนำจับ 5% ที่ขณะนี้มี 2 แนวทาง คือ 1.การจ่ายผ่านระบบ Blockchain และ Smart Contracts 2.การจ่ายผ่านระบบ Virtual Account และ ATM แต่ในแนวทางแรก มีความเป็นไปได้มากกว่า เพราะด้วยขั้นตอนที่ซับซ้อน จะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ใครเป็นผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งจะถูกจัดเก็บข้อมูลเป็นความลับ
และนอกจากทีมวิจัยศึกษาระบบอย่างละเอียดแล้ว ป.ป.ส. จะสำรวจความต้องการของผู้แจ้งเบาะแสผ่านเว็บไซต์ด้วย เพื่อจะได้พัฒนาระบบให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึง หรือดำเนินการได้ง่าย รวมถึงได้มีการหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้การจ่ายเงินรางวัลนำจับเป็น สกุลเงินดิจิทัล ถูกต้องตามระเบียบ เรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่า ผมพยายามนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเป็นอีกกลไกในการปราบปรามยาเสพติด เพราะผมเข้าใจดีว่าปัญหายาเสพติดได้เข้าไปสร้างความรุนแรงในครอบครัว จึงเน้นการยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายา เพื่อตัดวงจรเหล่านี้ ทำให้ปี 2566 ตั้งเป้ายึดทรัพย์ไว้ 1 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าได้รับความร่วมมือจากประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านระบบบล็อกเชน ก็จะทำให้สามารถยึดได้เกินเป้าอย่างแน่นอน และจะเป็นการร่วมมือกันแก้ปัญหายาเสพติด ให้ลูกหลานของเราไม่ตกเป็นทาสของยาเสพติดอีกต่อไป