xs
xsm
sm
md
lg

DSI ตั้ง คกก.สืบข้อเท็จจริง จนท.ร่วม ตร.ค้นบ้านกงสุลใหญ่นาอูรู หากผิดจริงลงโทษเด็ดขาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงกรณี เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมเข้าตรวจค้นสถานที่พำนักกงสุลใหญ่นาอูรู ประจำประเทศไทย ลงวันที่ 22 ธันวาคม ซึ่งปรากฏข่าว กล่าวหาว่าสิ่งของที่ตรวจยึด ส่งพนักงานสอบสวนไม่ครบถ้วน โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีข้อสั่งการให้กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาครายงานข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณา และต่อมาปรากฏข่าวเพิ่มเติมว่าได้มีผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (บก.ปปป.ตร.) ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยกล่าวหาว่ามีการอนุมัติให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษที่เป็นข่าวเข้าร่วมตรวจค้นดังกล่าว เดินทางไปราชการโดยมิชอบด้วยกฏหมายนั้น

วันนี้ (30 ธ.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้รายงานข้อเท็จจริงในการร่วมปฏิบัติหน้าที่ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว สาระสำคัญว่าในวันดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (191) เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ใช้อำนาจในการเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ประสานงาน ตามที่ได้รับการร้องขอจากสถานกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ในการปฏิบัติมีเจ้าพนักงานตำรวจเข้าร่วมปฏิบัติการ 12 นาย และเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ช่วยเหลือและประสานงาน 3 นาย รวมทั้งหมด 15 นาย เจ้าพนักงานตำรวจมีการจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน พร้อมยึดทรัพย์สิน 12 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวนนครบาลทุ่งมหาเมฆดำเนินคดี ในการปฏิบัติหน้าที่มีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานด้วย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงเข้าร่วมปฎิบัติงานในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจและผู้ประสานงาน ตามที่สถานกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทยร้องขอเท่านั้น ซึ่งสถานกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 28 ธันวาคม ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รายงานผลการร่วมสังเกตการณ์ในการตรวจค้นจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจในเรื่องนี้ รายงานไม่พบว่า เห็นเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษถือสัมภาระ หรือสิ่งของใด ออกมาจากสถานที่ตรวจค้นจับกุมแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นการเดินทางไปราชการนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริงว่า ชุดปฏิบัติการด้านการข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีข้าราชการทั้งสามรายที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ตรวจค้นบ้านพักกงสุลใหญ่ฯ รวมอยู่ด้วย ได้มีบันทึกลับ ลงวันที่ 16 ธันวาคม ขออนุมัติเดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อปฏิบัติงานด้านการข่าวในภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม ถึง 20 มกราคม โดยในข้อ 5 ของบันทึกดังกล่าว ได้กล่าวถึงกรณีที่ข้าราชการในคำสั่งมีภารกิจทับซ้อนกัน ขอให้ข้าราชการที่อยู่ในชุดปฏิบัติการที่ได้รับมอบหมายภารกิจอื่นที่ทับซ้อนในห้วงเวลาดังกล่าว สามารถขออนุมัติ และเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การแสดงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการตรวจค้นบ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย เป็นไปโดยโปร่งใส อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมีคำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 1650/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 30 วัน

ทั้งนี้ เมื่อผลการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่ามีผู้กระทำความผิดจะเสนอให้มีการพิจารณาลงโทษโดยเด็ดขาด และจะแจ้งให้ผลการดำเนินการให้สาธารณชนทราบต่อไป