นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #ทางออกค่าไฟฟ้า
การออกมาคัดค้าน การขึ้นค่าไฟฟ้าของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 ซึ่งจะทำให้อัตราค่าไฟฟ้า ของภาคธุรกิจ โดยรวมอยู่ที่อัตรา 5.69 บาทต่อหน่วย
ประกอบกับภาคประชาชน รวมทั้งสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย ได้ออกมาชี้ถึงปัญหาค่าไฟฟ้าแพง นี่คือปัญหา ที่กระทรวงพลัง ในฐานะหน่วยงานหลักต้องรับผิดชอบ และต้องหาทางแก้ไข
สิ่งนี้เป็นการสะท้อนถึง ความผิดพลาดเชิงนโยบาย อาจจะพูดได้ว่า เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน แต่สร้างปัญหาให้กับประชาชน สิ่งที่มีการพูดถึง อย่างกว้างขวางคือ การสร้างโรงไฟฟ้ามากเกินไป รวมทั้งการสำรองไฟฟ้าเกินความจำเป็น
เอาเฉพาะค่าพร้อมจ่าย ที่ต้องจ่ายให้ผู้ลงทุน สร้างโรงไฟฟ้า(แม้ไม่ผลิตไฟฟ้าก็ต้องจ่าย) เป็นการเอื้อให้กลุ่มทุนพลังงาน จับเสือมือเปล่า เพราะการสร้างโรงไฟฟ้า มีราคาแพงมาก
ค่าพร้อมจ่ายต้องจ่ายตั้งแต่ เงินลงทุนก่อสร้าง ดอกเบี้ย กำไรผู้ถือหุ้น ค่าประกันภัย ซ่อมบำรุง ค่าอะไหล่ ค่าบริหารจัดการโรงงาน ค่าเชื่อมสายส่ง เขตเดินสายไฟฟ้า(right of way)
คำถามที่ต้องถาม ถ้าต้องเอาเงินภาษีประชาชน ไปจ่ายค่าพร้อมจ่าย ครอบคลุมมากขนาดนี้(คาดว่าปีละประมาณ 49,000 ล้านบาท) ทำไมไม่ให้ กฟผ.สร้างเอง และเป็นสมบัติของชาติด้วย แต่ไปให้กลุ่มทุนสร้าง เอาภาษีประชาชนจ่าย แต่กลายเป็นของนายทุน
จุดผิดพลาดของกระทรวงพลังงานอีกอย่างนั่นคือ การไปกำหนดเงื่อนไข ของการรับซื้อไฟฟ้าที่ราคาไม่เท่ากัน ยิ่งสะท้อนถึงการเอื้อประโยชน์ เลือกให้ประโยชน์ ในเมื่อโลกต้องการพลังงานสะอาด วันนี้เทคโนโลยีที่คนไทยคิด ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ก็พัฒนาไปมาก
ทำไมท่านไม่เปิดเสรี รับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาด ในราคาที่กำหนดเท่ากัน เช่นหน่วยละ 2.50 บาท ใครผลิตได้ ก็รับซื้อ บางส่วนสนับสนุนให้ กฟผ.ผลิต บางส่วนเปิดกว้างให้เอกชนผลิต โดยไม่ต้องเสียค่าพร้อมจ่ายแม้แต่บาทเดียว นอกจากได้ไฟฟ้าสะอาด จะทำให้ไฟฟ้าถูกลงแน่นอน
รีบปรับนโยบาย ก่อนที่จะสายเกินไปครับ เพราะจะไม่ใช่ แค่ค่าไฟฟ้าขึ้น แต่จะเป็นต้นทุนของสินค้าทุกชนิด ที่จะขึ้นตามมา