นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลต่อการกระตุ้นและการจับจ่ายซื้อสินค้า นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยมาจากการส่งออก การบริโภคของภาคเอกชน รวมไปถึงราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นเกือบทุกรายการ ขณะที่การลงทุนยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ส่วนการส่งออกในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 8 เงินเฟ้อจะขยายตัวร้อยละ 6.1 อัตราว่างงาน อยู่ที่ร้อยละ 1.28 หนี้สินภาคครัวเรือนต่อจีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 86.3
ส่วนการขยายตัวเศรษฐกิจในปี 2566 คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 3.6 ปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวยังมาจาก ภาคการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยทั้งปี ประมาณ 22 ล้านคน
ขณะที่ภาคการส่งออกในปีหน้าแม้จะไม่ใช่พระเอกในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยคาดว่าทั้งปีโตร้อยละ 1-1.2 แต่ยังคาดหวังในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกดีขึ้น จะมีผลต่อการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังขยายตัว ซึ่งยังอยู่ภายในภายใต้สมมติฐานสำคัญคือปริมาณการค้าโลก ขยายตัวร้อยละ 2.5 เศรษฐกิจโลกขยายตัวร้อยละ2.7 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 22-24 ล้านคน อัตราแลกเปลี่ยน 35.95 บาทต่อดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบดูไบ 92.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 1.25-2.00
สิ่งที่ต้องติดตามซึ่งจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ของประเทศจีน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ และความคาดหวังสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะมีการผ่อนคลาย การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าจะมีการปรับขึ้นในปีหน้าจะอยู่ที่กรอบร้อยละ 4.5-5.25 ซึ่งจะมีผลทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ