นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคนที่ 10 ล้าน ของปี 2565 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น จากช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 มีการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศและมีมาตรการคัดกรองผู้เดินทางอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมโรค ทำให้ผู้เดินทางเข้าประเทศลดลงอย่างมาก แต่เมื่อประเทศไทยสามารถควบคุมโรคได้และลดระดับความรุนแรงเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง จึงมีการเปิดประเทศ ทยอยผ่อนคลายมาตรการและความเข้มงวดในการเดินทางเข้าประเทศตามลำดับ จนปัจจุบันสามารถเดินทางได้ตามปกติ ทำให้เห็นว่าเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายอนุทิน กล่าวว่า หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลายลง ได้ใช้แนวคิด Health for Wealth เป็นนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข คือ ใช้สุขภาพสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ หนึ่งในนั้นคือนโยบาย Medical Hub ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจร และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งปี 2564 Medical Tourism Association จัดอันดับให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยติดอันดับ 5 ของโลก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยได้รับการยอมรับ คือ แพทย์ไทยมีศักยภาพและมีชื่อเสียงในหลากหลายสาขา เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพและมาตรฐานการรักษาระดับสากล ค่ารักษาพยาบาลสมเหตุสมผล ค่าครองชีพไม่สูงมาก เหมาะแก่การพำนักรักษาตัวและพักฟื้นร่างกายในระยะยาว ภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น มาตรการขยายเวลาพำนักในไทยกรณีเข้ามารักษาพยาบาล การเพิ่มประเภทวีซ่ารักษาพยาบาล (Medical Visa) Non-MT ชนิดใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (Multiple Entry) คราวละไม่เกิน 1 ปี (อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด) และ มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ Wellness ทั้งการนวดไทย สปา ผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ เป็น Soft Power ที่มีส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศไทยมากขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง