ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า โควิดไวรัสร้ายถล่มโลก ปุจฉาหลุดจากแล็บ
“โควิด”...ไวรัสร้ายถล่มโลก สร้างความเสียหายมากมายมหาศาลทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจหนึ่งในประเด็นสำคัญที่น่าสนใจมีว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่ามาจาก “ธรรมชาติ” จนกระทั่งถึงปี 2022 หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ไปในทิศทางที่ว่าน่าจะหลุดออกมาจาก “ห้องแล็บ”
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอดื้อ” คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มุมมองไว้ว่า
ข้อที่หนึ่ง...รายงานจากคณะกรรมการแลนเซ็ท (Lancet commission) วันที่ 14 กันยายน 2022 ประธานคณะกรรมการ คือศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอื่นๆ
สรุปว่า...มีการปกปิดข้อมูลไม่โปร่งใสตั้งแต่ต้นและไม่มีหลักฐานชัดเจนใดๆ สนับสนุนการกำเนิดจากธรรมชาติ
ข้อถัดมา...รายงานจากรัฐสภาสหรัฐฯปลายเดือนตุลาคม 2022 ระบุน่าจะเกิดจากการศึกษาวิจัยและหลุดจากห้องปฏิบัติการของอู่ฮั่นด้วยข้อมูลมากกว่า 200 ชิ้น
ข้อสาม การศึกษาวิจัยเป็นความร่วมมือของสหรัฐฯกับอู่ฮั่นผ่านทางองค์กร EcoHealth alliance โดยได้ทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯเอง
ข้อที่สี่ ความร่วมมือดังกล่าวกับอู่ฮั่นยังคงมีตลอดจนกระทั่งถึงปัจจุบันในปี 2022 โดยมีการให้ทุนจากสหรัฐฯต่อหลายพันล้านเหรียญ ในการเก็บตัวอย่างไวรัสจากสัตว์ป่าและค้างคาวทั่วโลก รวมกระทั่งถึงประเทศไทย มาเลเซีย และประเทศอื่นๆในเอเชีย
โดยมีจุดประสงค์ที่จะทำการตัดต่อพันธุกรรม เพื่อดูว่าจะเข้ามนุษย์ได้ดีขึ้นหรือไม่และเกิดโรครุนแรงได้หรือไม่ ทั้งไวรัสโควิด โคโรนาไวรัส ไวรัสนิปาห์ เฮนดรา และไวรัสไข้เลือดออก และมีห้องปฏิบัติการชั้นนำร่วมจากสหรัฐฯและในเอเชียร่วมด้วย
ข้อที่ห้า หนังสือตีพิมพ์จำหน่ายทั่วโลกเปิดเผยข้อมูลการกำเนิดไวรัสโควิด
ข้อที่หก มีความพยายามที่จะเปลี่ยนประเด็นว่าเป็นข่าวโคมลอยตั้งแต่ต้นปี 2020 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยองค์กรที่ได้ทุนวิจัยข้อมูลทั้งหลาย
สามารถสืบค้นได้จากหลักฐานในวารสารแลนเซ็ท ข้อมูลที่เผยแพร่จากรัฐสภาสหรัฐฯสู่สาธารณชน
และสามารถสืบค้นได้จากการให้สัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs ทางยูทูบ และหนังสือที่ตีพิมพ์ในวันที่ 5 ธันวาคม 2022
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกอีกว่า ประเด็นกำเนิดของโควิดเกี่ยวพันกับการศึกษาวิจัยในห้องแล็บ Covid “most likely” เกิดจากการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับไวรัส research related activities มากกว่าที่จะเกิดจากธรรมชาติ จาก senate วุฒิสภาสหรัฐฯ
ฉายภาพประเด็นแรก...จุดแรกที่เกิดในคนอยู่ใกล้ Wuhan institute of Virology ตั้งแต่ตุลาคม 2019 ต่อเนื่องไปถึงว่า “โควิด”...ยังไม่พบโฮสต์ระดับกลาง (intermediate host) หรือสัตว์ตัวกลางใดๆ สำหรับค้างคาวมงกุฎ พบไวรัสใกล้โควิด แต่ไม่ใช่โควิด และไม่เข้าคน
“ปกติแล้วไวรัสจากค้างคาวต้องผ่านสัตว์ตัวกลางเพื่อเพาะบ่มวิวัฒนาการระยะหนึ่งจึงจะมีความสามารถเข้ามนุษย์ได้ แต่ค้างคาวในพื้นที่ต่างๆที่ผ่านการสำรวจในยูนนานลาวมีแต่คล้ายโควิด”
ประเด็นสำคัญมีว่า ถ้ามีการผ่านตัวกลางจริงที่กลายเป็นโควิดบริเวณพื้นที่กว้างขวางเหล่านี้น่าจะมีคนที่ติดโควิดตั้งแต่ต้นในพื้นที่ต่างๆและระยะเวลาต่างๆ เช่น ตัวอย่างที่เห็นในไข้หวัดนก avian flu H7N9 ในจีน ที่มีการกระจายทั่วไปในนกทั่วพื้นที่ก่อนจนมีการกระจายเข้าคนในพื้นที่ต่างๆ ณ เวลาต่างๆ หรือเมอร์ส (MERS) ก็ตาม หรือซาร์ส (SARS) เบื้องต้นมีการเกิดการกระจายอย่างเป็นอิสระเข้าในมนุษย์ อย่างน้อย 5 เหตุการณ์
โดยในแต่ละครั้งที่เกิดอยู่ในพื้นที่ที่ห่างกันเป็น 10 เป็น 100 กิโลเมตร ในปี 2002–2003 และมีตัวกลางชะมดแมว (civet cats) ที่มีกระจายอยู่ในพื้นที่ก่อน และไวรัสซาร์สมีหลายสายพันธุ์ตั้งแต่ต้น ซึ่งแสดงว่ามีการวิวัฒนาการผ่านมาก่อนหน้านี้หลายครั้งในสัตว์ต้นตอจนกระทั่งถึงผ่านตัวกลาง
พุ่งเป้าไปที่กรณีใน “โควิด” เป็นการเกิดในเวลาเดียว ที่เดียว single time single place พื้นที่เล็กๆตั้งแต่ต้น และหลักฐานของไวรัสไม่เป็น เช่น ซาร์สก่อนหน้า โดยไม่มีการรั่วไหลหลายครั้ง โควิดที่เกิดที่อู่ฮั่นเป็นตัวที่มีความสมบูรณ์เต็มที่ในการแพร่จากคนสู่คน (well-adapted for human-to-human transmission)
อีกทั้งโควิดตัวตั้งต้นมีความหลากหลายของรหัสพันธุกรรมน้อยมาก 2 นิวคลีโอไทด์ จาก 29,900 และรหัสพันธุกรรมของไวรัสที่เก็บตัวอย่างจากพื้นที่ในตลาดอู่ฮั่นก็ไม่ต่างกันกับที่พบในคนที่ติดเชื้อ แสดงว่าเป็นโควิดที่แพร่จากคนตั้งแต่ต้น และที่พบในจุดที่เกิดแต่แรกใกล้สถาบัน Wuhan institute of virology ไม่ใช่ที่ตลาด
สถาบันมีความตั้งใจที่จะทำการศึกษาโคโรนาไวรัสที่เกี่ยวโยงกับ SARS ว่าจะมีความสามารถที่จะใช้ตัวรับในมนุษย์ ACE2 receptor เพื่อเข้าคนได้หรือไม่ โดยร่วมกับองค์กร EcoHealth Alliance ของสหรัฐฯ ในปี 2018 โดยในโครงการ มีจุดประสงค์ที่หาไวรัสที่คล้าย SARS และมี furin cleavage site ตามธรรมชาติ
แต่ในการเก็บรวบรวมตัวอย่างนั้นไม่มีไวรัสที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ทำให้นำไปสู่ความตั้งใจที่จะทำการทดลองให้ไวรัสมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการติดเข้ามนุษย์ (genetic recombina tionexperiments)
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2015 มหาวิทยาลัย Huazhong Agricultural University ที่ Wuhan ได้ทำการใส่ furin cleavage site ที่ สังเคราะห์ขึ้น เข้าไปในไวรัสในกลุ่มอัลฟาโคโรนาไวรัสคือ porcine epidemic diarrhea virus และในปี 2019 นักวิจัยในประเทศจีนทำการใส่ furin cleavage site กรดอะมิโน 4 ตัว...
เข้าใน Infectious Bronchitis corona virus ที่ก่อโรคในเป็ดไก่ การศึกษาวิจัยเหล่านี้เพื่อที่จะประเมินว่าไวรัสโคโรนาที่คล้าย SARS จะมีความสามารถเข้ามนุษย์ได้เพียงใด...
ในการให้สัมภาษณ์วารสาร Science Shi Zhengli นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่สถาบันไวรัสอู่ฮั่นและเชี่ยวชาญในไวรัสโคโรนาที่เกี่ยวกับ SARS ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จที่ใช้ไวรัสที่ตกแต่งพันธุกรรม chimeric SARS-related corona viruses ในการติดเชื้อและก่อโรครุนแรงแก่หนูและตัวชะมด...
ที่ปรับแต่งให้มี ACE2 receptor ของมนุษย์
และในรายงานยังได้ระบุถึงระบบการรักษาความปลอดภัย Biosafety and Biosecurity ที่สถาบันอู่ฮั่นในช่วงเวลาต่างๆตั้งแต่ 2018 จนกระทั่งในปี 2019
โดยมีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในระบบการรักษาความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ และมีการประกาศอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลจีน ในข้อปฏิบัติที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐาน แต่ทั้งนี้ยังทำตามเงื่อนไขให้เกิดความสมบูรณ์และปลอดภัยอย่างเคร่งครัดไม่ได้นัก
อาทิ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของระบบชีวนิรภัยที่สถาบันที่เกี่ยวข้องกับการทดลองไวรัสตระกูล covid และเป็นระบบเกี่ยวข้องกับการควบคุมอากาศในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับสี่...ในวันที่ 24 เม.ย.62 วันที่14 สิงหาฯ วันที่ 16 กันยาฯ วันที่ 19 พฤศจิกาฯ วันที่ 11 ธันวาฯ ทั้งหมดในปี 2562 และวันที่ 13 พฤศจิกาฯในปี 63
ปุจฉา?ไวรัส “โควิด” ถล่มโลกเป็นเช่นนี้ ด้วยปัจจัยในหลายๆมิติที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จึงโน้มเอียงไปในทิศทางหลุดออกมาจากแล็บมากกว่าพัฒนากลายพันธุ์เนิบๆนาบๆมาจากธรรมชาติ