นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทางไปรษณีย์ เพื่อขอให้ตรวจสอบนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ และส่งสำเนาใบเสร็จค่าปรับของนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา คนที่ 1 จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้ ป.ป.ช. ประกอบการตรวจสอบตามคำร้อง รวมถึงส่งสำเนาเอกสารกรมพัฒนาธุรกิจการค้าของ บ.เอฟเวอร์ ยูเนียน ที่ขอคัดมาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเส้นทางการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ที่มีชื่อนายหาว เจ๋อตู้ ด้วย
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีนายศุภชัย ปราศรัยว่าคนจังหวัดหนึ่งเป็นคนโง่ และมีการยอมรับว่าปราศรัยทำนองนั้นจริง พร้อมทั้งไหว้ขอโทษในสภาไปแล้วนั้น กรณีดังกล่าว จึงมีเหตุที่ควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการปราศรัยดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 หรือไม่ ส่วนกรณีนายสุชาติ ถูกแจ้งความว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายทางกายหรือจิตใจ และต่อมานายสุชาติ ได้ยอมรับและไปเสียค่าปรับ 10,000 บาทแล้วนั้น กรณีนี้จึงมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่ควรส่งให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบนายสุชาติต่อไปว่า เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 หรือไม่
สำหรับกรณีการถือครองหุ้นบริษัท เอฟเวอร์ยูเนียน จำกัด ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง (ในนามคู่สมรส) จากการขอสำเนาเอกสารบริษัทดังกล่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อพิรุธพอสมควร ทั้งการเข้าชื่อจองซื้อหุ้น รายชื่อผู้ก่อตั้งบริษัท การจ่ายชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด 20,000,000 บาท และการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่มีความสับสนในเลขหมายของใบหุ้นของนายหาว เจ๋อตู้ ที่สลับกันไปมาหาไม่มีความสัมพันธ์กันตามหลักที่ควรจะเป็น ซึ่งคนที่ไม่เคยทำบัญชี หรือตรวจสอบบัญชี อาจไม่เข้าใจการจัดทำสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และการออกใบหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่า การลงทะเบียนโอนเปลี่ยนแปลงหุ้น ซึ่งจะมองไม่เห็นข้อพิรุธเหล่านี้
โดยเรื่องนี้ อาจมีการแจ้งข้อมูลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไม่ตรงกับความเป็นจริงในหลายจุด กรณีจึงมีเหตุที่ควรส่งสำเนาเอกสารที่ขอมาเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช. นำไปตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และบุคคลของบริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด ที่เป็นผู้ลงนามในเอกสารต่างๆ ต่อไปว่ามีการแจ้งข้อมูลเท็จหรือไม่