นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การเมืองวิถีใหม่ คือ การเมืองที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่เป็นความหวัง แข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบาย และผลงาน โปร่งใส สุจริตทุกระดับ ยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ให้โอกาสคนทุกรุ่นที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ มาร่วมทำงาน ร่วมคิด ร่วมขับเคลื่อนนโยบายที่ทำได้จริง และอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อวันนี้และวันหน้า สามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง และสร้างจุดเปลี่ยนประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า
ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้าควรแข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบาย และผลงาน ตามแนวทางการเมืองวิถีใหม่ โดยต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง แตกแยก แบ่งขั้วทางการเมืองแบบสุดโต่งที่ทำให้ประเทศติดหล่มจมปลักวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์มากว่า 20 ปี การเลือกตั้งต้องสร้างโอกาสและความหวังให้กับประชาชน และต้องเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตสะท้อนอำนาจของประชาชน
ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งในปีหน้าจะแข่งขันกันอย่างเข้มข้นรุนแรงมากกว่าในอดีต เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แบ่งขั้ว และใช้ปัจจัยทุกอย่างเพื่อชนะการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำพาประเทศสู่วิกฤตไม่รู้จบ พรรคประชาธิปัตย์ยุคอุดมการณ์ทันสมัยได้ถอยออกจากวังวนของความขัดแย้งสุดโต่ง 2 ขั้วมากว่า 3 ปีแล้ว เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ มุ่งหน้าทำงานแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนด้วยแนวทาง "เศรษฐกิจเหนือการเมือง"
โดยเฉพาะในยามที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตซ้อนวิกฤต คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากเกิดวิกฤตการเมืองซ้ำเติมประเทศอีก ประชาชนจะอยู่อย่างไร เราต้องช่วยกันถอนฟืนออกจากกองไฟ คู่ขัดแย้ง 2 ขั้วควรถอยคนละก้าว ให้โอกาสประเทศและประชาชนบ้าง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว ไม่เอาการเมืองแบบแบ่งขั้วสุดโต่ง ไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง และเคารพความแตกต่างทางความคิดความเชื่อทางการเมือง ยึดมั่นในระบบรัฐสภาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข