นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงข่าวกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดปฏิบัติการปราบโกงสายฟ้าฟาด ปราบปรามจับกุมกลุ่มผู้ที่ทำการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในการขุดเหรียญดิจิทัล โดยเฉพาะบิตคอยน์ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี 39 แห่ง และกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง รวม 41 จุด หลังจากที่มีผู้ร้องเรียนและทำการสืบสวนสอบสวนมาเกือบ 1 ปี โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิด ชาย 1 ราย อายุ 30 ปี และยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลรุ่นเอส 9 ได้ประมาณ 3,500 เครื่อง
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดได้ลักลอบติดตั้งเครื่องขุดเงินดิจิทัลแห่งละประมาณ 100 เครื่อง โดยทำมาแล้วประมาณ 2 ปี ส่งผลให้รัฐเสียหายค่าไฟฟ้าเดือนละ 20-30 ล้านบาท รวม 2 ปี กว่า 500 ล้านบาท และจากการตรวจสอบพบว่าที่ผ่านมามีการลักลอบใช้ไฟฟ้าในอาคารพาณิชย์ปริมาณสูงมาก ส่งผลให้มีอุณหภูมิสูงตามไปด้วย ซึ่งการใช้ไฟฟ้าลักษณะนี้ทำให้มีอาคารพาณิชย์ถูกไฟไหม้ไปแล้วประมาณ 3 แห่ง จึงถือว่าอันตรายมาก
นอกจากนี้ พบว่าผู้กระทำความผิดมีรายได้จากการขุดเงินดิจิทัล 35 บาทต่อเครื่องต่อวัน ทั้งหมด 3,500 เครื่อง ทำให้มีรายได้ถึง 4.2 ล้านบาทต่อเดือน รวม 2 ปี มีรายได้กว่า 100 ล้านบาท โดยไม่เสียค่าไฟฟ้า แต่รัฐกลับสูญเสียรายได้หลายร้อยล้านบาท
จากการสอบปากคำผู้ต้องหา พบว่ามีการลักลอบขุดบิตคอยน์มากว่า 2 ปี มีลูกน้องอีกประมาณ 20 คน เป็นกลุ่มคนไทยทั้งหมด โดยอุปกรณ์และข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบได้มีเพียง 1%เท่านั้น ดังนั้น เมื่อคำนวนแล้วหากมีการกระทำผิด 100% รัฐจะเสียหายค่าไฟฟ้ากว่า 5 หมื่นล้านบาท