วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้องในคดี อท 199/2565 ที่ น.ส.ธิกานต์ บำรุงศรี เป็นโจทก์ฟ้อง ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ, ศาสตราจารย์พิรงรอง รามสูต นายต่อพงศ์ เสลานนท์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ทั้งหมดเป็นกรรมการ กสทช. เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 กรณีการลงมติรับทราบการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค
ศาลตรวจฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ยังไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 15 จึงเห็นสมควรให้โจทก์ดำเนินการแก้ไขฟ้องให้ถูกต้องและชัดแจ้ง พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานตามประเด็นดังต่อไปนี้ โดยให้ทำคำฟ้องฉบับใหม่ยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน นับจากวันนี้
1. ให้โจทก์บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้ง 5 อย่างไร
2. ให้โจทก์บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าการลงมติของจำเลยทั้งห้าฝ่าฝืนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับใด มาตราใด อย่างไร
3. ให้โจทก์บรรยายการกระทำของจำเลยทั้ง 5 ให้ชัดเจนว่าการที่จำเลยทั้ง 5 รับฟังความเห็นของบริษัทที่ปรึกษา (บริษัท ฟินันฟ่า จำกัด) และไม่รับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย และประชาชนทั่วไปและไม่ได้นำรายงานของที่ปรึกษาต่างประเทศก่อนการประชุมและลงมติวาระ เรื่อง ควบกิจการระหว่างบริษัททรูกับบริษัทดีแทค เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ประกาศระเบียบ กฎ ข้อบังคับใด และมาตราใด
4. เนื่องจากโจทก์ชี้ช่องพยานหลักฐานโดยมิได้แนบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้โจทก์ดำเนินการส่งเอกสารตามที่โจทก์ชี้ช่องพยานหลักฐานแนบท้ายคำฟ้อง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงชัดแจ้งในประเด็นแห่งคดี
เห็นควรมีหนังสือไปถึงสำนักงาน กสทช.ชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นตามคำฟ้อง ดังนี้
1. ในการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปมีหลักเกณฑ์และขั้นตอนอย่างไร และการประชุมเพื่อลงมติของ กสทช. มีเรื่องใดบ้างที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนทั่วไป
2. ให้จำเลยที่ 2 ชี้แจงเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าไม่มีความเป็นกลางและมีผลประโยชน์เกี่ยวกับบริษัท ทรู เพราะจำเลยที่ 2 เคยดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่มีกลุ่มบริษัท ทรู เป็นผู้ถือหุ้น และยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมคนตาบอด ซึ่งมีความสัมพันธ์และได้รับเงินบริจาคจากกลุ่มบริษัททรู
จะถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัททรู ทำให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองมีเหตุอันเป็นสภาพร้ายแรงที่ทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง ตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
จำเลยที่ 2 มีอำนาจพิจารณาและมีมติเกี่ยวกับการควบรวมกิจการกลุ่มบริษัททรู และบริษัทดีแทค โดยที่ตนมีส่วนได้เสีย หรือมีประโยชน์เกี่ยวข้อง ดังนั้น จะถือว่าจำเลยที่ 2 ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
3. การที่จำเลยที่ 3 งดออกเสียงในที่ประชุมเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือไม่อย่างไร
4. การที่จำเลยที่ 1 ลงมติในระเบียบวาระ เรื่อง การรายงานการรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู และบริษัท ดีแทค ในฐานะกรรมการ และมีการลงมติรับทราบในฐานะประธานกรรมการ เป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ อย่างไร
5. การที่จำเลยที่ 1, 2 ลงมติรับทราบในเรื่องการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู และบริษัท ดีแทค อาศัยกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ หรือข้อบังคับใด
6. การที่จำเลยที่ 4, 5 ลงมติไม่เห็นชอบ เรื่อง การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู และบริษัท ดีแทค อาศัยกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ หรือข้อบังคับใด
7. ที่ผ่านมาเคยมีการควบรวมกิจการของผู้ประกอบธุรกิจด้านโทรคมนาคมหรือไม่ ถ้าเคยมี มีกี่ราย และมีขั้นตอนในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กสทช.อย่างไรบ้าง และ กสทช.เคยมีมติเกี่ยวกับเรื่องการควบรวมที่ผ่านมาอย่างไร
โดยให้สำนักงาน กสทช.มีหนังสือชี้แจงกลับมายังศาลนี้ภายในวันที่ 6 มกราคม 2566 ให้ถ่ายสำเนาคำฟ้องจัดส่งให้สำนักงาน กสทช.แนบท้ายหนังสือด้วย และให้โจทก์มาดำเนินการตรวจสอบหนังสือชี้แจงดังกล่าว
หากประสงค์คัดค้านให้ยื่นคำแถลงคัดค้านภายในวันที่ 20 มกราคม 2566 ให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.30 น.