นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วมทุนในบริษัท LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในสัดส่วนร้อยละ 50 มูลค่าเงินลงทุน 16,350 ล้านบาท เพื่อให้บริการธุรกิจสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Receiving Terminal) รวมถึงการแปลงสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้มีสถานะกลายเป็นก๊าซ เพื่อจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่โครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติและส่งต่อให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งครอบคลุมถึงโรงไฟฟ้าของ กฟผ.
ดังนั้น การร่วมทุนในบริษัทครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของ กฟผ. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้ยกเว้นภาษี เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้าง การจัดตั้งบริษัทและการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการร่วมทุน เนื่องจากการดำเนินธุรกรรมดังกล่าวทำให้เกิดภาระด้านภาษี เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าธรรมเนียมต่างๆ ทำให้ต้นทุนโครงการและต้นทุนพลังงานของประเทศเพิ่มสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องขอยกเว้นภาษีเบี้ยปรับเงินเพิ่มและค่าธรรมเนียมต่างๆ
โครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่สอง ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยองจังหวัดระยอง ลักษณะโครงการมีท่าเรือ 1 ท่า ถังเก็บ LNG 2 ถัง สามารถรองรับ LNG ได้ปริมาณ 7.5 ล้านตันต่อปีโดยมีภารกิจหลัก ในการดำเนินธุรกิจสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Receiving Terminal) รวมถึงการแปลงสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้มีสถานะกลายเป็นก๊าซ เพื่อจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่โครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซ และส่งต่อให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งครอบคลุมถึงโรงไฟฟ้าของ กฟผ. เตรียมเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2565
สำหรับโครงสร้างการร่วมลงทุนบริษัท LNG Receiving Terminal แห่งที่สอง จดทะเบียนจัดตั้งในไทย โดยมีผู้ถือหุ้น 2 ราย คือ กฟผ. (สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50) และบริษัท PTTLNG (สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50) มีมูลค่ากิจการ ประมาณ 46,900-52,200 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนการลงทุนกรณีได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) 6,012 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนทางการเงินของโครงการ (Project IRR) ร้อยละ 8.5 อัตราผลตอบแทนของส่วนทุน (Equity IRR) ร้อยละ 9.5 ระยะเวลาคืนทุน ของโครงการ 10 ปี 9 เดือน
นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ. ได้ประโยชน์เข้าร่วมร่วมลงทุนในครั้งนี้ คือ 1) กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทรูปแบบเงินปันผล 2) เป็นโอกาสที่ดีให้ กฟผ. ได้เริ่มดำเนินธุรกิจให้บริการ LNG Receiving Terminal ซึ่งมีผู้ร่วมทุนเป็นผู้นำในธุรกิจ 3) บุคลากรของ กฟผ. มีโอกาสในการพัฒนาความรู้ และประสบการณ์ในการดำเนินงานของ LNG Receiving Terminal จากผู้ร่วมทุนที่เป็นผู้นำในธุรกิจ 4) สนับสนุนนโยบายการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ (การส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ) โดยมีผู้ให้บริการสถานีและผู้นำเข้า LNG รายใหม่ๆ (Third Party Access : TPA) และ 5)เพื่อเสริมความมั่นคงพลังงานไฟฟ้าในประเทศ และเป็นศูนย์กลางการซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวในภูมิภาคอาเซียน (Regional LNG Hub) ในอนาคต