นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า“นี่คือ ‘แผนการบิน’ ของเครื่องบินส่วนบุคคล ขึ้น-ลง ณ สนามบินร้อยเอ็ด โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางมากับเครื่องบินลำนี้ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565
เครื่องบินเป็นของ บริษัท โมเดิร์นลาเท็กซ์ จำกัด ส่วนเครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน คือ HS-HAO
เป็นลำเดียวกันกับที่ผมพูดถึง และตามจี้ติดโดยแจ้งให้เห็นถึงความเป็น “เจ้าของ” ในรายชื่อผู้ถือหุ้นของ บริษัท โมเดิร์น ลาเท็ก จำกัด ว่ามีนายตู้ห่าวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมเมีย
ขณะที่ ป.ป.ส. หน่วยงานโดยตรงในการยึดอายัด แสดงอาการ “พะว้าพะวัง” ขณะเข้ายึด อ้างว่า “ไม่ใช่ชื่อนายตู้ห่าว” และต่อมาจึงยอมรับ ยึดอายัดไว้ หลังผมเปิดข้อมูลความเป็นเจ้าของ
แต่เป็นการ “ยึดแล้วไม่ค้น“ ว่าข้างในเครื่องมีเอกสารสำคัญอะไรหลงเหลือ
แค่เอากระดาษไปแปะไว้ 3 แผ่น ที่เครื่องบิน เป็นอันจบ แล้วกลับบ้าน
แต่เอาล่ะ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วผมจำเป็นต้องเดินต่อ ขอยืนยันว่าผมไม่มีเบื้องหลัง และมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง
ผมกับ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งใดๆ ที่ต้องไปโจมตี เพราะประเด็นของผมมุ่งไปที่ขบวนการมาเฟียจีน และยาเสพติด ไม่ใช่เรื่องใครจะมีอำนาจทางการเมือง
งานแฉนี้ถือเป็นระดับ “มาสเตอร์พีซ” ยืนยันเดิมพันด้วยชีวิตที่เหลือน้อยลงทุกทีของผม ยังมีหลักฐานในมือผมอยู่อีกมาก
ชีวิตได้มาเกินกำไรแล้ว อยู่มาจนป่านนี้ ขาดทุนบ้างจะเป็นไร!
แต่หากผู้กองธรรมนัส ยังอยู่ในวัฏจักรการเมืองต่อไป จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเคลียร์ตัวเองออกจาก “แก๊งมาเฟียจีนสีเทา” ที่ไปเกี่ยวข้องกับ “ยาเสพติด”
มิใช่นิ่งเฉย รอทิศทางลม เพราะท่านเป็นถึง “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” ผู้ทรงเกียรติ และเคยเป็นอดีตรัฐมนตรี
ผมนั้นเจตนาดี เนื่องจาก “มาเฟียจีนสีเทา” เหล่านี้ทำร้ายสังคมไทยอย่างรุนแรง ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ค้ายาเสพติดอย่างเปิดเผย มองข้ามกระบวนการยุติธรรมไทยโดยใช้เงินปิดปาก สร้างสายสัมพันธ์ อิทธิพล ให้ผลประโยชน์แก่ผู้มีอำนาจ
ไฟแผดเผาโหมกระหน่ำของนายตู้ห่าว กำลังลามไปถึงตัวท่านแล้ว”