นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้พบการติดเชื้อโควิด-19 แบบสมอลเวฟ ซึ่งแต่ละประเทศเกิดการระบาดของแต่ละสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยส่วนของไทยนั้นพบการติดเชื้อในกลุ่มสายพันธุ์ BA.2.75 มากที่สุด คิดเป็น 58% ทั้งนี้ เนื่องมาจากมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงปลายปีที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่หนีหนาวเข้าไทยอีกจำนวนมาก อาจทำให้สายพันธุ์ของโควิด-19 ที่พบในไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก โดยอาจพบสายพันธุ์ XBB มากขึ้นจากชาวยุโรป
ขณะนี้ลักษณะการติดเชื้อ พบว่าทั่วโลกมีลักษณะคล้ายกันหมด คือไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงและหลบภูมิคุ้มกัน ที่เปลี่ยนแปลงไปคือ มีการติดเชื้อเร็วมากขึ้น คนป่วยสามารถป่วยซ้ำได้อีกเนื่องจากการติดเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อีกครั้ง วัคซีนอาจไม่ได้ให้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่เหมือนในอดีต
สำหรับปฏิกิริยาของผู้ได้รับการติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำ จะพบว่ามีความแตกต่างกัน แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน เนื่องจากภูมิคุ้มกันของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนได้รับวัคซีนแค่ 1 เข็ม หรือ 2 เข็ม หรือ 4 เข็ม แต่บางคนไม่ได้รับแม้แต่เข็มเดียว และร่างกายของคนแต่ละคนก็มีความแข็งแรงที่แตกต่างกัน ปัจจัยโรคประจำตัวก็ทำให้อาการของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้น คำแนะนำคือต้องมีการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยวัคซีนพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ ควร 4 เข็ม ไม่ใช่ 3 เข็ม เหมือนในอดีต เพราะสถานการณ์ในขณะนี้แตกต่างไปจากเดิม และการติดเชื้อเกิดภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ร่วมกับวัคซีน อาจไม่เพียงพอ หากมีการติดเชื้อมานานแล้ว ดังนั้น การปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดยังคงจำเป็นเพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19