แถลงการณ์จากเว็บไซต์ทางการของเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า เซี่ยงไฮ้กำหนดให้ประชาชนต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี PCR เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนเข้าใช้บริการสถานที่สาธารณะ เช่น ร้านอาหาร ผับบาร์ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเสริมสวย และสถานประกอบการอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ในสถานประกอบการธุรกิจ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 พ.ย.) เซี่ยงไฮ้พบผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการเพิ่มอีก 16 ราย และไม่แสดงอาการ 128 ราย หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 11 ราย และไม่แสดงอาการ 119 ราย
นอกจากเซี่ยงไฮ้แล้ว เมืองเซินเจิ้นเองก็ออกมาตรการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในร้านอาหารและสถานที่ปิดอื่นๆ ลง 50% อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เมืองเซินเจิ้นยังสั่งการให้วิสาหกิจ พนักงาน และประชาชนส่วนใหญ่ ทำงานจากที่บ้านตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม
มาตรการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในจีนยังคงย่ำแย่ ล่าสุด คณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เปิดเผยว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 40,347 ราย ในวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นจากระดับ 39,791 ราย ของวันก่อนหน้า