นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาแนวทางการดูแลค่าไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ขอดูแนวโน้มสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร โดยกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการคำนวณประมาณค่า FT สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาแนวทางการดูแลช่วยเหลือประชาชนรายได้น้อยที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งเดิมได้ช่วยเหลือประชาชน 2 กลุ่ม ว่าจะดูแลต่อไปอย่างไรได้บ้าง ประกอบด้วย
- กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 - ธันวาคม 2565
- กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นกัน โดยการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า FT เดือนกันยายน 2565 - ธันวาคม 2565 แบบขั้นบันได ในอัตราร้อยละ 15 -75
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ได้เห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่าเอฟที สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 พร้อมให้สำนักงาน กกพ. นำค่าเอฟทีประมาณการและแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. แบกรับในกรณีต่างๆ ดังนี้
กรณีที่ 1 ค่าเอฟทีเรียกเก็บประจำงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 224.98 สตางค์ต่อหน่วย โดย กฟผ. จะต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชนจำนวน 81,505 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.03 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 2 ค่าเอฟทีเรียกเก็บประจำงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 191.64 สตางค์ต่อหน่วย โดย กฟผ. จะต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชนจำนวน 101,881 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.70 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 3 ค่าเอฟทีเรียกเก็บประจำงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 158.31 สตางค์ต่อหน่วย โดย กฟผ. จะต้องรับภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชนจำนวน 122,257 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.37 บาทต่อหน่วย