นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มุ่งส่งเสริมให้การรถไฟฯ เข้าไปมีบทบาทสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ล่าสุด ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ฝ่ายบริการโดยสาร และศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟฯ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (ซีเอสอาร์) นำคณะเยาวชน ครู ผู้ปกครองในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ชุมชนที่หยุดรถบ้านสะโลว์บูกิ๊ตยือแร และที่หยุดรถกะแด๊ะ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 120 คน เดินทางทัศนศึกษาทางรถไฟ เส้นทางนราธิวาส -เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 24-29 ตุลาคม 2565 เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้นอกห้องเรียน ตลอดจนเสริมสร้างประสบการณ์ในการเดินทางรถไฟ แก่เด็กเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สู่พื้นที่ภาคเหนือ
“การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ของการรถไฟฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เดินทางลงพื้นที่พบปะ แลกเปลี่ยนรับฟังความเห็นกับพี่น้องชาวไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่หยุดรถบ้านสะโลว์บูกิ๊ตยือแร และที่หยุดรถกะแด๊ะ ที่มีผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และประชาชนพื้นที่ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างอบอุ่น จึงต่อยอดนำมาสู่การสนับสนุนการจัดกิจกรรมให้กับเยาวชน เดินทางทัศนศึกษาโดยรถไฟในครั้งนี้”
ทั้งนี้ ในการเดินทางทัศนศึกษาฯ การรถไฟฯ ได้นำคณะเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ นั่งรถไฟจากสถานีตันหยงมัส เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2565 ไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักแห่งใหม่ของประเทศไทย พร้อมกับใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เดินทางไปสถานีรังสิต เพื่อเชื่อมต่อเดินทางสู่สถานีเชียงใหม่
สำหรับกิจกรรมทัศนศึกษา ได้พาเยี่ยมชมชุมชนจีนมุสลิมบ้านฮ่อ ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่จากมณฑลยูนนาน อพยพมาตั้งรกรากที่เชียงใหม่กว่า 150 ปี พร้อมทั้งพาเที่ยวชมรอบตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี สวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกของประเทศไทย และปางช้าง
นายเอกรัชกล่าวว่า บรรยากาศกิจกรรมนำคณะเยาวชนพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ทัศนศึกษาทางรถไฟครั้งนี้ ได้สร้างความประทับใจ และรอยยิ้มแก่เด็กและเยาวชน ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ สามารถนำทักษะจากการเรียนรู้นอกห้องเรียนมาปรับใช้ในชีวิตจริง รวมถึงถ่ายทอดให้ชาวบ้านในชุมชน นำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่อไปในภายภาคหน้า ที่สำคัญยังเป็นการช่วยปลูกฝังให้เยาวชน และประซาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดความรู้สึกผูกพัน สร้างสายสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างชุมชนกับการรถไฟฯ ให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขต่อไป