นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงคัดค้านกรณีรัฐบาลมีมติให้ต่างชาติมาลงทุนและครอบครองที่ดินได้
โดยนายเมธา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายขายชาติขายแผ่นดินอย่างแท้จริง มองว่าจะนำไปสู่การให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินเก็งกำไรและปล่อยขายต่อไปในอนาคต จึงจะภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและประชาชนที่ควรแก้ไขเร่งด่วน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุตินโยบายนี้และเรียกร้องให้บีโอไอเปิดเผยข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนของกลุ่มทุนต่างๆ ทั้งหมดว่า อนุมัติให้บริษัทต่างชาติถือครองที่ดินมากน้อยเท่าไร และคิดเป็นที่ดินสัดส่วนเท่าใดในประเทศไทยและให้แก่บริษัทใดบ้าง
พร้อมกันนี้ เรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังว่าบุคคลร่างเงาของใครบ้างในรัฐบาลได้ผลประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะที่ดินภาคตะวันออกที่มีการถวายให้กับต่างชาติในรูปแบบการส่งเสริมการลงทุนมีใครบ้าง เพราะเชื่อว่ามีความไม่ชอบมาพากลหลายส่วนที่ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและนักลงทุนร่วมมือกันในนโยบายเหล่านี้ และเป็นที่น่าสังเกตว่ากฎหมายยกที่ดินให้ต่างชาติกำลังผลักดันในช่วงท้ายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และก่อนหน้าที่จะมีการประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายนนี้
นายเมธา กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกทั้งมองว่าเป็นนโยบายที่กลุ่มทุนพวกพ้องรวมถึงกลุ่มทุนบริษัทข้ามชาติสมคบคิดกันโดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกกฎหมายเหล่านี้เพื่อประโยชน์ให้กับตนเองหรือไม่ โดยทิ้งประชาชนไทยไว้ด้านล่างและเหยียบย่ำประชาชนไทยขึ้นไปเพื่อกอบโกยนโยบายจากนโยบายขายชาติขายแผ่นดินนี้ โดยหลังจากนี้เครือข่ายภาคประชาชนจะมีการเคลื่อนไหวต่อไป และภาคประชาชนจะจัดเวทีคู่ขนานในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยขายที่ดินมรดกของตนเองให้กับกลุ่มทุนใหญ่มีกำไรมหาศาลมาแล้ว เลยอยากขายแผ่นดินของพวกเราบ้าง เพื่อให้ต่างชาติเข้าถือครองเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์และการมีหน้าตาเป็นที่ยอมรับของทุนข้ามชาติและผู้นำโลกที่จะมาประชุมเอเปค จึงขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีแก้ไขให้ถูกต้อง ถ้าไม่แก้ไขให้ถูกต้องคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทั้งคณะในการมีส่วนในการยกแผ่นดินให้กับต่างชาติ