xs
xsm
sm
md
lg

ธ สถิตในดวงใจ ตราบนิจนิรันดร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติกว่า 70 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตลอดจนพระบรมวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนประชาชนชาวไทยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยได้พระราชทานพระราชดำริให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกหมู่เหล่าซึ่งทุกโครงการล้วนมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ "ความอยู่ดีกินดีและความผาสุก" ของประชาชนทั้งสิ้น ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีที่มาของโครงการ จาก 3 แหล่ง คือ 1. โครงการที่ได้พระราชทานพระราชดำริโดยตรง 2. โครงการที่เกิดจากราษฎรทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ และ 3. โครงการที่หน่วยงานได้กราบบังคมทูลรายงานหรือขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย

นายปวัตร์ นวะมะรัตน รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และได้แบ่งประเภทโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ออกเป็น 8 ประเภท ประกอบด้วย 1. โครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ 2. โครงการพัฒนาด้านการเกษตร 3. โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม 4. โครงการพัฒนาด้านส่งเสริมอาชีพ 5. โครงการพัฒนาด้านสาธารณสุข 6. โครงการพัฒนาด้านคมนาคมและการสื่อสาร 7. โครงการพัฒนาด้านสวัสดิการสังคมและการศึกษา และ 8. โครงการพัฒนาแบบบูรณาการ

ในการดำเนินงานจะมีศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมี 6 แห่ง ทุกภูมิภาคของประเทศ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพิจารณาคัดเลือกพื้นที่และจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งทดลอง ศึกษา วิจัย แล้วนำผลสำเร็จไปขยายผลพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรในแต่ละภูมิภาคภายใต้บริบทของภูมิประเทศและภูมิสังคม ซึ่งตลอดมาศูนย์ศึกษาการพัฒนา ฯ ได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริบรรลุตามพระราชประสงค์อย่างเป็นที่พึงพอใจ ยังผลให้ราษฎรในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้การดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพสามารถยืนอยู่ได้ในสภาพของทุกสถานการณ์" นายปวัตร์ นวะมะรัตน กล่าว

นายปวัตร์ นวะมะรัตน กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กาลเวลาผ่านไป จากวันที่คนไทยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ คือ ผู้ที่คนทั้งแผ่นดินเคารพรักเทิดทูนเชิดชูบูชา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐในฐานะพ่อของแผ่นดิน วันนี้คนไทยทุกคนก็ยังคงน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านมิรู้ลืม ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยมิได้เหน็ดเหนื่อย มิทรงคำนึงถึงความสำราญส่วนพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินไปทุกหนแห่งของประเทศไทย เมื่อทรงทราบว่าราษฎรทุกข์ยากลำบากขาดแคลนเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ เพื่อสร้างประโยชน์สุข ดับทุกข์เข็ญ ให้แก่ประชาชนที่ทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่าคือลูก ๆ ของพระองค์

"ตลอดรัชสมัยพระองค์ทรงงานหนักเพื่อให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น อยู่ดีมีสุขด้วยความพออยู่พอกิน พึ่งพาตนเองโดยผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชทานไว้ทั่วทุกภูมิภาค เป็นต้นแบบที่สามารถน้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต และประกอบอาชีพในพื้นที่ของตนเองได้ ทั้งแบบอย่างการใช้ทรัพยากรป่า ทรัพยากรน้ำ และทรัพยากรดิน แบบเกื้อกูลพึ่งพาอาศัยกัน" นายปวัตร์ นวะมะรัตน กล่าว

พระมหากรุณาธิคุณยังแผ่ไพศาลอันมิอาจกล่าวได้อย่างครบถ้วน ด้วยพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ คนไทยทุกคนจะกล่าวออกมาจากความรู้สึกตรงกันว่าพระองค์ทรงเป็นดั่งพ่อ และเป็นพ่อที่ทรงงานหนักที่สุดเพื่อลูก ๆ คนไทยทุกคนได้อยู่ดี พออยู่ พอกิน พอเพียง และประเทศชาติจะเจริญงอกงามตามวิถีดีงามแห่งวัฒนธรรมประเพณีไทย นำมาซึ่งความสุขสงบอย่างยั่งยืน เมื่อดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทที่ทรงเป็นแบบอย่าง ตลอดมาปวงพสกนิกรชาวไทยต่างร้อยรวมดวงใจ สืบสานพระราชปณิธาน ในการประกอบคุณงามความดีให้สังคม และประเทศชาติ ให้ชุมชน ให้ครอบครัว ดำรงมั่นในวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงาม เป็นแบบอย่างความเป็นคนดีของบ้านเมือง ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ตราบนิจนิรันดร์