ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องกรมวิทย์ฯ เผยไทยยังไม่พบโควิด 19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และสายพันธุ์ XBB ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
กรณีที่มีข่าวในต่างประเทศตรวจพบโอมิครอนกลายพันธุ์ตัวใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “BQ.1.1” และ “XBB” สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และดื้อภูมิคุ้มกันมากกว่าทุกสายพันธุ์ โดยกรมวิทย์ฯ ยืนยันไทยยังไม่พบโควิด 19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และสายพันธุ์ XBB นั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอชี้แจงว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ ยังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เชื้อโควิด 19 ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็น “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.5
ทั้งนี้ จากฐานข้อมูล GISAID ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2565 ประเทศไทยพบ BA.4 จำนวน 218 ราย ในส่วน BA.2.75 และลูกหลาน BA.2.75.1, BA.2.75.2 พบ 24 ราย สายพันธุ์ BA.5 และลูกหลาน พบ 2,152 ราย โดยสายพันธุ์ย่อยหลักที่พบมากในประเทศไทย ได้แก่ สายพันธุ์ BA.5.2 พบรายงานจำนวน 1,709 ราย ซึ่งแนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลก คือ BA.5 ยังเป็นสายพันธุ์หลัก ส่วน BA.4, BA.2.75 และลูกหลาน เช่น BA.2.75.1, BA.2.75.2 และ BA.2.75.x พบเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
กรณีที่มีข่าวในต่างประเทศตรวจพบโอมิครอนกลายพันธุ์ตัวใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “BQ.1.1” และ “XBB” สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และดื้อภูมิคุ้มกันมากกว่าทุกสายพันธุ์ โดยกรมวิทย์ฯ ยืนยันไทยยังไม่พบโควิด 19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และสายพันธุ์ XBB นั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอชี้แจงว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ ยังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เชื้อโควิด 19 ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็น “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.5
ทั้งนี้ จากฐานข้อมูล GISAID ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2565 ประเทศไทยพบ BA.4 จำนวน 218 ราย ในส่วน BA.2.75 และลูกหลาน BA.2.75.1, BA.2.75.2 พบ 24 ราย สายพันธุ์ BA.5 และลูกหลาน พบ 2,152 ราย โดยสายพันธุ์ย่อยหลักที่พบมากในประเทศไทย ได้แก่ สายพันธุ์ BA.5.2 พบรายงานจำนวน 1,709 ราย ซึ่งแนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลก คือ BA.5 ยังเป็นสายพันธุ์หลัก ส่วน BA.4, BA.2.75 และลูกหลาน เช่น BA.2.75.1, BA.2.75.2 และ BA.2.75.x พบเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย