นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดทำประมาณการเบื้องต้นของวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในการเยียวยาประชาชนจากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด รวมทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะดำเนินการในช่วงปลายปี และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้ประมาณวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้ทั้งสองส่วน ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วมไว้ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การเยียวยาประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วม วงเงิน 6 พันล้านบาท โดยจ่ายเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 ที่จ่ายให้กับครัวเรือนที่ประสบภัยครัวเรือนละ 3,000 บาท จำนวน 2 ล้านครัวเรือน โดยวงเงินเยียวยาอุทกภัยในส่วนนี้ยังไม่ได้รวมในส่วนการชดเชยเกษตรกรที่พืชผลและปศุสัตว์เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าวและการช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนนี้จะมีการสำรวจความเสียหายอีกครั้งหลายน้ำลดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ การที่ตั้งงบประมาณสำหรับน้ำท่วมที่จะใช้งบกลางฯไม่สูงมากเนื่องจากในขณะนี้ยังเป็นช่วงต้นปีงบประมาณที่กระทรวงต่างๆ สามารถโยกงบประมาณหรือเปลี่ยนแปลงโครงการต่างๆ เพื่อมาใช้ในการซ่อมแซมถนน สะพาน หรือโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากน้ำท่วมได้และสำนักงบประมาณได้หารือกับกระทรวง หน่วยงานต่างๆที่ได้มีการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ไว้บางส่วนอยู่แล้ว
ขณะที่วงเงินสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี และในช่วงหลังจากที่สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายแล้ว วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท โดยเบื้องต้นโครงการที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้ดำเนินการจะเป็นโครงการที่เคยใช้แล้วได้ผลมาแล้วในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง เป็นต้น
นายเฉลิมพล กล่าวด้วยว่าในปี 2566 รัฐบาลมีงบกลางรายการใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นกรณีเร่งด่วน รวมประมาณ 9.24 หมื่นล้านบาท โดยปกติแล้วจะมีการใช้วงเงินเพื่อเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมประมาณปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้จะต้องขอใช้งบกลางฯเนื่องจากในปี 2566 ไม่ได้มีการตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้ นอกจากนี้วงเงินกู้สำหรับโควิด-19 นั้นไม่สารถที่จะใช้ได้แล้วเนื่องจากตามกฎหมายได้ระบุว่าเงื่อนไขของการใช้เงินกู้โควิด-19 ไว้ถึงแค่วันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา