นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการคิกออฟฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี วันที่ 12 ตุลาคมนี้ ว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กกลุ่มดังกล่าว เป็นไปตามหลักวิชาการ ซึ่งการนำวัคซีน ยา หรือเวชภัณฑ์ใดก็ตามมารักษาโรคหรือเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้องผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จึงขอให้ความมั่นใจ
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้คนส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 75% ที่ยังตกค้างคือเด็ก เพราะตอนนั้นวัคซีนยังไม่ครอบคลุม แต่ตอนนี้ขยายอายุลงไปถึง 6 เดือนแล้ว ซึ่งเด็กมีโอกาสติดเชื้อสูงมาก จากการไปโรงเรียนและเดินทาง ที่เรากลัวคือ แม้เด็กติดเชื้อเขาจะมีสุขภาพแข็งแรง แต่หากในบ้านมีผู้สูงอายุที่ยังไม่รับวัคซีนด้วย เด็กจะเป็นคนกระจายเชื้อได้ แนวทางที่ดีที่สุด คือ ทำให้เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปได้ฉีดวัคซีน ซึ่งทราบว่าผู้ปกครองลงทะเบียนสมัครใจให้เด็กกลุ่มนี้ฉีดประมาณ 4 แสนรายแล้ว โดยวัคซีนเด็กลอตแรกมี 5 แสนโดส และหากผู้ปกครองแจ้งความประสงค์เพิ่มขึ้นก็จะสั่งเข้ามามากขึ้น
นายอนุทิน ย้ำว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้น แต่กลุ่มผู้สูงอายุก็ต้องขอให้มารับวัคซีนทุกคน เพราะจะช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียชีวิตได้ ยิ่งหากได้รับเข็ม 3 หรือ 4 แล้วยิ่งปลอดภัย แทบจะไม่มีการเสียชีวิต