คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ลุยน้ำท่วมจากอีสานสู่เชียงใหม่-ลำพูน รับผลกระทบน้ำท่วมเป็นรอบที่ 6 ของปี หนักสุดในรอบ 10 ปี
หน่อย ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ในวันนี้จึงมาจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน เพื่อลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หลังจากเมื่อวันก่อน หน่อย ได้ไปลุยน้ำท่วมที่อุบลราชธานี ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพายุไต้ฝุ่น “โนรู”
ช่วงเช้า หน่อย พร้อมด้วยผู้พันปุ่น น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค ได้มาติดตามสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำซากที่เชียงใหม่ และเข้าเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ที่ อ.สันป่าตอง
ซึ่งพี่น้องได้นำความทุกข์มาเล่าทั้งน้ำตาให้หน่อยฟังว่า พื้นที่ตรงนี้น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ซึ่งปีนี้น้ำท่วมเป็นรอบที่ 6 แล้ว หนักสุดในรอบ 10 ปี และไม่เคยมีการเยียวยาชดเชยความเสียหายจากภาครัฐ
ยามหน้าแล้ง ชาวบ้านก็ไม่เคยได้ใช้ประโยชน์จากลำน้ำแม่ขาน แต่กลับโดนผันน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรที่อื่น จึงขอให้หน่อย และพรรคไทยสร้างไทย ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างยั่งยืน
ก่อนที่ช่วงบ่าย หน่อย พร้อมผู้พันปุ่น ได้เดินทางไปยังอ.ป่าซาง จังหวัดลำพูน เพื่อติดตามความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมบ้านเรือน และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งปัญหาน้ำท่วมบริเวณนี้ เกิดจากป่าไม้ไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้น้ำจากภูเขาไหลเร็วกว่าปกติ พลัดนำกิ่งไม้ไหลลงสู่แม่น้ำทา สร้างความเสียหายให้กับคอสะพาน และกัดเซาะดิน ทำให้ชาวบ้านต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมในทุกปี
จากปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่ และลำพูน หน่อย มองว่าเกิดจากการขาดการบูรณาการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพราะหากมีการบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างฝ้ายชะลอน้ำ และอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง จะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ และใช้งบประมาณไม่มาก หากแต่ต้องเอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ดังนั้น หน่อย และพรรคไทยสร้างไทย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบทุกปี โดยต้องเร่งชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ทั้งทางด้านทรัพย์สิน และทางด้านจิตใจ รวมถึงต้องสร้างเขื่อนเรียงหินตลิ่งลำน้ำแม่ขาน เพื่อป้องกัน และบรรเทาปัญหาน้ำท่วมตามลำน้ำต่างๆ
โดยพรรคไทยสร้างไทย ได้ประกาศนโยบายแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง อย่างยั่งยืนโดยยกเป็น “วาระแห่งชาติ” วางเป้าหมายแก้ความยากจน สร้างเศรษฐกิจ และช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้ประชาชน