นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค , นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงความพร้อมการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยุบศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่า การบริหารงานจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบการให้บริการ ระบบการเฝ้าระวัง ที่จะมีการบูรณาการเชื่อมโยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สถานการณ์แนวโน้มโรคโควิด-19 ในไทยลดลงชัดเจน รวมถึงอัตราการครองเตียง การลดลงของผู้เสียชีวิต พร้อมคาดการณ์ว่า ปี 2566 อาจพบการระบาดในลักษณะเพิ่มขึ้นและลดลงตามฤดูกาลคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งศักยภาพการจัดการเตียง เวชภัณฑ์ บุคลากร สามารถรองรับผู้ป่วยอาการหนักได้เพียงพอ เมื่อเข้าสู่ระยะโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้แบ่งการเฝ้าระวังเป็นที่ 4 ระยะคือ 1. เฝ้าระวังผู้ป่วยในโรงพยาบาล 2. เฝ้าระวังเป็นกลุ่มก้อน 3. เฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยงนอกสถานพยาบาล และ 4.เฝ้าระวังสายพันธุ์กลายพันธุ์ พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ระบบเฝ้าระวังของกระทรวงเป็นไปอย่างรัดกุม เป็นที่ยอมรับในสากล
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สถานการณ์แนวโน้มโรคโควิด-19 ในไทยลดลงชัดเจน รวมถึงอัตราการครองเตียง การลดลงของผู้เสียชีวิต พร้อมคาดการณ์ว่า ปี 2566 อาจพบการระบาดในลักษณะเพิ่มขึ้นและลดลงตามฤดูกาลคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งศักยภาพการจัดการเตียง เวชภัณฑ์ บุคลากร สามารถรองรับผู้ป่วยอาการหนักได้เพียงพอ เมื่อเข้าสู่ระยะโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้แบ่งการเฝ้าระวังเป็นที่ 4 ระยะคือ 1. เฝ้าระวังผู้ป่วยในโรงพยาบาล 2. เฝ้าระวังเป็นกลุ่มก้อน 3. เฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยงนอกสถานพยาบาล และ 4.เฝ้าระวังสายพันธุ์กลายพันธุ์ พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ระบบเฝ้าระวังของกระทรวงเป็นไปอย่างรัดกุม เป็นที่ยอมรับในสากล