นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่เกิดฝนตกหนัก เมื่อเย็นค่ำวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมขังสูงในถนนพหลโยธิน หน้าตั้งแต่บริเวณหน้าสถาบันธัญลักษณ์ ก่อนถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ทั้งขาเข้าและขาออก ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ช่วงไหล่ทาง มีน้ำท่วมขัง ผู้ที่ใช้รถยนต์และรถสาธารณะ ชะลอตัวทำให้การจราจรพหลโยธินขาเข้าและขาออก อัมพาตทันที โดยเฉพาะ บริเวณอนุสรณ์สถาน แยกปากทางถนนลำลูกกา แม้จะมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ตั้งทำงานอยู่ แต่ก็ไม่สามารถระบายน้ำท่วมขังได้ทัน พร้อมกันนี้ ถนนพหลโยธินขาออกหน้าตลาดสี่มุมเมือง วงเวียนบางเขน และถนนแจ้งวัฒนะน้ำก็ยังท่วมขังตลอดเวลา
ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ดังกล่าว สาเหตุสำคัญเกิดจากพื้นที่รับน้ำในคลองเปรมประชากรที่ปกติจะดึงน้ำผ่านท่อใต้ถนนสายต่างๆ ข้างต้นมาระบายลงคลองเปรมฯ แต่ปัจจุบันคลองดังกล่าวมีพื้นที่รับน้ำน้อยลงกว่าครึ่ง เนื่องจากเริ่มมีการนำดินมาถมคลองเปรมประชากรเพื่อนำพื้นที่ไปสร้างบ้านมั่นคงให้กับประชาชนหลายพื้นที่
ขณะนี้สำนักระบายน้ำ กทม. ซึ่งรับผิดชอบในการสร้างเขื่อน ค.ส.ล.ริมคลองเปรมฯ ได้ย่ามใจใช้อำนาจตอกเสาเข็มขยายพื้นที่ลงไปในตลองมากขึ้น ๆ จากเดิมคลองเปรมประชากรจากหน้าวัดรังสิตมาถึงเขตแดนกรุงเทพฯเขตดอนเมือง คลองมีความกว้างประมาณ 50-60 เมตร แต่สำนักระบายน้ำ กทม.กับตอกเสาเข็มสร้างเขื่อนริมคลองบีบให้คลองมีความกว้างเหลือเพียงประมาณ 15-20 เมตรเท่านั้น เพื่อเอื้อให้มีพื้นที่ริมคลองมากๆเพื่อนำไปสร้างโครงการบ้านมั่นคง นั่นเอง
ดังนั้นจึงไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่า เมื่อยามเกิดฝนตกจะหนักหรือเบาในพื้นที่กรุงเทพฯตอนเหนือชิดเขตแดนปทุมธานี จะเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งและจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะบ้านเรือนประชาชนที่ปลูกอยู่ใกล้คลองเปรมประชากร จะเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนทุกครั้งที่ฝนตก ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยปรากฎว่ามีน้ำท่วมบ้านแต่อย่างใด (ยกเว้นปี 2554) แต่หลังจาก กทม.เริ่มเข้ามามีการก่อสร้างเขื่อนกลางคลองและมีโครงการบ้านมั่นคงมาถมที่ดินริมคลองเมื่อปลายปี 2564 เรื่อยมาจวบจนขณะนี้ไปกว่าครึ่งคลอง ก็เริ่มเกิดปัญหาน้ำท่วมขังขยายเป็นวงกว้าง เหมือนเมื่อเย็นค่ำของวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนน้ำท่วมปาก พูดไปก็ไม่มีใครฟัง เพราะหน่วยงานรัฐเป็นผู้ใช้อำนาจที่ผิดๆเสียเอง ให้มียอดผู้ว่าฯกี่คนก็แก้ไม่ได้