เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเรื่องการส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ พ.ศ. 2565 โดยระบุว่า โดยที่มาตรา 140 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 บัญญัติให้กรณีเจ้าพนักงานจราจรที่ออกใบสั่ง ไม่พบตัวผู้ขับขี่ ให้ติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถที่ผู้ขับขี่สามารถเห็นได้ง่าย
หากไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองเพื่อให้ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนดในใบสั่ง ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับกับกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรพบการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกหรือกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง แต่ไม่อาจทราบตัวผู้ขับขี่ โดยอนุโลม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 140 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ พ.ศ. 2565”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ประกาศ ณ วันที่ 12 ก.ค.2565 จึงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.2565 เป็นต้นไป)
ข้อ 3 การส่งใบสั่งตามมาตรา 140 วรรคสอง กรณีเจ้าพนักงานจราจรที่ออกใบสั่งไม่พบตัวผู้ขับขี่และไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด และตามมาตรา 140 วรรคสาม กรณีไม่อาจทราบตัวผู้ขับขี่ ให้ส่งใบสั่งพร้อมพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถ ภายในระยะเวลาสามสิบวันนับ แต่วันที่เจ้าพนักงานจราจรพบการกระทำความผิด และให้ถือว่าเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั่งนั้น เมื่อพ้นกำหนด สิบห้าวัน(15วัน) นับแต่วันส่ง
สำหรับใครที่ไม่แน่ใจหรือยังมีข้อสงสัยว่าตัวเองมีใบสั่งค้างชำระหรือเปล่า สามารถเช็กใบสั่งออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชนที่ https://ptm.police.go.th/eTicket/#. หรือถ้าทุกคนอยากจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทาง Facebook และ Twitter 1197