นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยถึงยอดจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวน 5,917 ราย คิดเป็นมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 14,357.13 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 543 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 382 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 225 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวน 1,102 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการจำนวน 3,760.77 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 141 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 52 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 36 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้วิเคราะห์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนพฤษภาคม 2565 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 5,917 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา (เมษายน 2565) คิดเป็นร้อยละ 10 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 6 (พฤษภาคม 2564) ในขณะที่การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวน 1,102 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา (เมษายน 2565) คิดเป็นร้อยละ 30 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 39
ทั้งนี้ จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมันในตลาดโลก การยกเลิก การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได และการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอาหาร ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และมูลค่าการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัว ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการประกอบธุรกิจ ดังนั้น ปัจจัยดังกล่าวกรมฯ คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 40,000 ราย และตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000-75,000 ราย เป็นต้น