นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ปัญหาค่าโรงกลั่น นำ้มันแพง อย่าโยนกันไปมา เรียกร้องบิ๊กตู่นั่งหัวโต๊ะบูรณาการให้จบ
ช่วงนี้มีวิวาทะเกี่ยวกับประเด็นการแก้น้ำมันแพง และการเก็บค่ากลั่นน้ำมันจากโรงกลั่น ตอบโต้กันไปมาจากหลายฝ่าย เริ่มต้นจากการที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ออกมาเปิดเประเด็น ค่ากลั่นนำ้มันของโรงกลั่นมีราคาสูงถึงลิตรละ 8 บาท และเสนอวิธีลดราคาน้ำมันได้ทันที 4 บาท/ลิตร โดยระบุว่าน้ำมันอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ จึงเสนอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและการบริการ ควบคุมกำไรให้เหมาะสม
ต่อมานายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาชี้แจงว่า ราคาน้ำมันมีข้อกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล ซึ่งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ดูแล ส่วนกระทรวงพาณิชย์ มีหน้าที่ดูแลผู้ค้าไม่ให้ขายเกินราคาเท่านั้น
จนนายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาตอบโต้ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ว่าอย่าบิดเบือนความจริง ได้อธิบายข้อกฎหมายเกี่ยวกับการกลั่นน้ำมัน ไม่ใช่อำนาจของกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นอำนาจของกระทรวงพลังงาน จึงอยากให้การออกมาแสดงความคิดเห็นตรงตามความจริงเพื่อบ้านเมือง ไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมืองทุกเรื่องไป
และล่าสุดนายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ได้นำข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมายืนยันว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนเดียวเป็นทั้ง ประธาน กกร. และกรรมการ กพช. เกี่ยวข้องราคาน้ำมันโดยตรง อย่าปัดหน้าที่ มีอำนาจแล้วต้องแก้ปัญหา
ซึ่งความเคลื่อนไหวทั้งหมด เป็นความเห็นและตีความกฎหมายไปในคนละทิศคนละทางหลาย แบบหลายคนยลตามช่อง พยายามตีความกฎหมาย ให้พ้นความรับผิดชอบของหน่วยงานที่ตนกำกับดูแลอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากจะให้มีการโยนความผิดกันไปมา เหมือนกับการตีปิงปอง
จึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บริหารสูงสุด และเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ด้วย อีกทั้งเป็นประธานคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นกรรมการร่วมอยู่ด้วย ได้เชิญทุกฝ่ายมาบูรณาการแก้ปัญหาราคาน้ำมัน และค่ากลั่นน้ำมันจากโรงกลั่นให้ได้ข้อยุติ จากที่ประชุมของ กพช. เพื่อไม่ให้แต่ละฝ่ายออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบ และเกิดวิวาทะโจมตีกันไปมา จนทำให้ประชาชนสิ้นหวัง เพราะรัฐบาล และคณะรัฐมนตรีทั้งชุด จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้