นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไป สน.พหลโยธิน เข้ารับทราบ 2 ข้อหา ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยนายอัจฉริยะ ยังไม่ทราบว่าแจ้งความตนจากเหตุใด แต่มั่นใจไม่มีหลักฐานมากพอที่จะเอาผิด วันนี้พนักงานสอบสวนคงแจ้งข้อกล่าวหาตนไม่ได้ ทำได้แค่แจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบแล้วให้กลับบ้าน ซึ่งตนจะไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.ประชาชื่น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาอีก 1 คดี
ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ ตั้งข้อสงสัยความเป็นแม่ลูกกันระหว่างนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน กับแตงโม เมื่อถามว่ามูลเหตุอะไรที่ทำให้สงสัยว่าแตงโม กับแม่ภนิดา ไม่ใช่แม่ลูกกัน นายอัจฉริยะตอบเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก" โดยขอให้รอดู เพราะตนกำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัดซึ่งเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าว และไม่กลัวหน้าแตก เพราะแค่ตั้งข้อสงสัย ถ้าหากจริง เรื่องก็จบ
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดหลักฐานในคดีแตงโม ภาพเรือสปีดโบ๊ตบริเวณสะพานซังฮี้ ที่ระบุว่าตำรวจมีการปลอมแปลงหลักฐาน ซึ่งเป็นช่วงเวลา 22.32.05 น. ขัดแย้งกับที่ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงปิดสำนวนที่ระบุว่า แตงโมตกเรือช่วงเวลา 22.34.10 น. จึงเชื่อว่ามีการแก้ไข GPS เรือ และยังเชื่อว่าบนเรือมีช่องลับบริเวณด้านขวา หัวเรือ กลางเรือ พร้อมฝากให้ตำรวจนำเรือจริงมา และให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจคราบเลือด ต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งตนมีหลักฐานว่ามีคราบเลือดบนเรือ และขณะนี้มีความพยายามจะหาเรือสำรอง ฝากถึงบริษัทเอกชนต่างๆ หากให้ความร่วมมือจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดด้วย และในวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายนนี้ เวลา 10.00 น. จะประเดิมแจ้งข้อหากับนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน ที่ สภ.พระประแดง ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ชี้ไม่ใช่การฟ้องแก้เกี้ยว เพราะคุณแม่ทำให้ตนเสียหายมาก ที่กล่าวหาว่าตนหลอกลวง ยืนยันไม่เคยหลอก และตนก็ไม่เคยบอกกับคุณแม่ว่าตนเองเป็นทนายความ พร้อมฝากบอกคุณแม่ว่าให้โทรหาปอบ่อยๆ บอกปอว่าแม่แย่แล้ว ทั้งนี้ หากคุณแม่จะติดต่อมาหาตน ตนจะไม่รับสายเพราะไม่ให้ราคา